วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เพื่อไทยให้คะแนนรัฐบาล 1 ปี สอบตก


เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเป็นผู้แถลง โดยนายยงยุทธ กล่าวถึงผลงานรัฐบาลโดยอ้างถึงความเห็นของ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ได้วิจารณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า 1 ปี ของรัฐบาลประสบความล้มเหลว ในขณะที่ความเห็นของสื่อมวลชนที่ตนมองว่ามีมุมมองที่ค่อนข้างคมนั้น ระบุว่านายกฯเป็นพรตในลัทธิเต๋าเป็นพรตในลัทธิเซน คือ สูงสุดกลับคืนสู่สามัญ กระบวนท่าสูงสุดคือไร้กระบวนท่า หมายความว่า การบริหารราชการของรัฐบาล คือ การไม่ต้องบริหาร

นอกจากนี้สื่อมวลชนบางฉบับยังระบุว่า รัฐบาลมีความสามารถในการแจก แถม ให้ แต่ความสามารถในการสร้างความสมานฉันท์นั้นไม่มี กู้ 4 แสนล.แต่ใช้กระตุ้น ศก.แค่ 5%

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
รัฐบาลไม่ได้ปรับปรุงสิ่งที่เคยตั้งข้อสังเกตไว้ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลากรที่คุมงานด้านเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพในการทำงาน ยกตัวอย่างชัดเจนอย่างเรื่องการแก้ไขจัดการปัญหามาบตาพุด ที่ไม่ได้จริงจังและส่งผลเสียให้นักธุรกิจทิ้งการลงทุนไปที่อื่นจนอาจเสียหายถึงกว่า 6 แสนล้านบาท

การก่อหนี้ของภาครัฐ อยู่ในอาการน่าเป็นห่วง ปัญหาการสร้างรายได้ยังเป็นปัญหาใหญ่ วันนี้ใส่เงินเท่าใดก็หายไปหมด เหมือนรูปแบบการพนัน หนี้สาธารณะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว ตลอด 1 ปี นับจากเดือนธ.ค.2551 จนถึงพ.ย.2552 รัฐบาลสร้างหนี้ให้ประเทศไปแล้ว 530,597 ล้านบาท ทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะสูงเกินกว่าร้อยละ 60 เพราะอัตราการเติบโตของจีดีพีไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินกู้จากพ.ร.ก. 4 แสนล้านบาทนำไปปิดหีบงบประมาณเพียง 5 หมื่นล้านบาท จึงมีเงินเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.5 แสนล้านบาท แต่ปรากฏว่ามีเงินไปใช้ลงทุนจริงๆ แค่ 6,892.96 ล้านบาท เท่ากับรัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปแค่ 5% แต่นำไปเป็นงบก่อสร้างซ่อมถนน ทำให้เม็ดเงินไม่ลงไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง จึงไม่มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่าง คือ เรื่องเงินคงคลัง แม้จะมีตัวเลขถึง 274,600 ล้านบาท แต่อยู่ในรูปตั๋วเงินกู้ถึง 245,100 ล้านบาท มีเงินสดเพียง 29,500 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่งบรายจ่ายเงินเดือนประจำเดือนละกว่า 7 หมื่นล้านบาท

เรื่องการลดภาษีนั้น รัฐบาลควรพูดให้ชัดว่าจะมีแนวทางอย่างไร ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแต่ไม่ดำเนินการ รวมทั้งนโยบายรัฐสวัสดิการนั้น ต้องใช้งบประมาณขนาดไหน ส่วนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบรัฐบาลไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดี หนี้จริงหนี้ปลอมมั่วกันไปหมด

สรุปว่า 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลย่ำอยู่กับที่ไม่เดินไปไหนเลย บางครั้งยังเดินถอยหลัง ถือว่าล้มเหลว นโยบายที่ประกาศไว้ก็ไม่ได้ทำ หรือทำไปบ้างแต่ไม่สำเร็จ ของเก่ายังไม่ได้ทำ ของใหม่ก็พูดไปเรื่อย ไม่ว่าการเสนอให้มีภาษีที่ดิน จนบัดนี้ก็ยังเงียบอยู่ ทั้งที่เสนอมาเกือบปี เสนอรัฐสวัสดิการก็ยังไม่ชัดเจน เสนอลดภาษี ก็ไม่รู้ดำเนินการหรือเปล่า หรือแม้แต่เรื่องการประกันราคาก็ยังสับสนว่าประกันราคาหรือประกันรายได้

ถ้าดูข้อมูลจากไอเอ็มเอฟ และเอดีบีที่ได้รับความเชื่อถือนั้น ยังบอกว่าการฟื้นตัวของไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค และจีดีพีขยายตัวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ตัวเลขของไทยติดลบมากที่สุด ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน้อยที่สุด "ชักศึกเข้าบ้านรัฐบาลชุดนี้ทำได้เก่งจริงๆ"

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า รัฐบาลได้คะแนนบีบวก ไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยห้องแถวไหนไปให้คะแนน แต่พวกผมยืนยันว่าตกแน่ รัฐบาลนี้พูดเก่ง มีศิลปะในการปั้นน้ำ

การให้คะแนนด้านเศรษฐกิจ ได้คะแนนเกรด C หรือเกือบตก เพราะวันนี้เงินในกระเป๋าประชาชนลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล้มเหลว ส่วนการแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม รวมทั้งนโยบายด้านความมั่นคง การเมืองนั้น รัฐบาลได้เกรด D หรือคาบเส้น

สำหรับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น พบว่ามีความเฟื่องฟูอย่างมาก กฎเหล็ก 9 ข้อตอนนี้น่าจะเหลือเพียง 2-3 ข้อเท่านั้น จึงถือว่าได้เกรด F หรือสอบตก

ขณะเดียวกันขอชื่นชมรัฐบาลชุดนี้ใน 4 เรื่อง
1.พูดเก่งจนบางครั้งพูดเกินความจริง
2.กู้เก่ง
3.เพาะศัตรูเก่ง จนตอนนี้มีศัตรูรอบบ้านไปหมดแล้ว และ
4.หาเหาใส่หัวเก่ง จนตอนนี้เหาเต็มศีรษะ
เรื่องของการชักศึกเข้าบ้านรัฐบาลชุดนี้ทำได้เก่งจริงๆ 2 มาตรฐานเลือกปฏิบัติกับประชาชน

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.จ.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน
นโยบายด้านการเมืองของรัฐบาลถือว่าล้มเหลว ปัญหามาจากกระบวนการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ไม่ชอบธรรม ไม่ใช่พรรคที่มีเสียงข้างมากที่สุดในสภา เป็นการทำลายจารีตประเพณี เกิดการทรยศหักหลังและเกิดงูเห่า จนเป็นประเพณีใหม่ เช่น ตัวส.ส.อยู่พรรคหนึ่งแต่ใจไปอยู่อีกพรรคหนึ่ง ทำให้การลงมติมีผลกระทบ นี่คือจุดล้มเหลว นำไปสู่ความแตกแยกของส.ส.อย่างไม่เคยมีมาก่อน

จุดนี้ทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เพราะนายกฯต้องตอบแทนบุญคุณกลุ่มทุนและผู้สนับสนุนผลประโยชน์ทางการเมืองด้วยการตั้งรัฐมนตรีที่ขาดความรู้ความสามารถ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้

รัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่เป็นธรรม ทำลายความปรองดอง โดยเฉพาะการใช้กำลังทหาร อาวุธ สลายการชุมนุมของประชาชนอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บล้มตาย ละเลยการบังคับใช้กฎหมาย และเลือกปฏิบัติกับประชาชน 2 มาตรฐาน คนไปปิดยึดสนามบินไม่ถูกดำเนินคดี โยนความรับผิดชอบการสลายการชุมนุมให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ตั้งกรรมาธิการตรวจสอบ แทนที่จะใช้ความยุติธรรมแก้ปัญหา

วันนี้เมื่อเวลานายกฯและครม.เดินทางลงพื้นที่ ก็มีผู้คุ้มกันเป็นพันคน ทั้งทหาร ตำรวจ กีดกันประชาชน ผลักประชาชนไปอยู่คนละฝั่ง ทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งในสังคมอย่างกว้างขวาง นายกฯไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการแก้ไขความขัดแย้ง ซ้ำยังขยายความแตกแยกรุกราน ก้าวล่วงประเทศเพื่อนบ้าน กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นำไปสู่ภาวะสงคราม ซึ่งไม่เคยมีนายกฯของประเทศไทยคนใดสร้างผลกระทบในด้านนี้ เป็นการทำผิดพลาดซ้ำซากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถือว่าล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย สมควรคืนอำนาจให้กับประชาชน

หากผมให้คะแนนด้านการเมืองก็ต้องให้เอฟหรือสอบตก ทุจริตคอร์รัปชั่นเฟื่องฟูมากที่สุด

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย หัวหน้าสำนักงานปราบโกง
1ปี ที่ผ่านมาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นยุคที่การทุจริตคอร์รัปชั่นเฟื่องฟู ซึ่งองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ให้ประเทศไทยได้คะแนน 3.4 จากคะแนนเต็ม 10 อยู่อันดับที่ 84 จากทั้งหมด 180ประเทศทั่วโลก จากที่เคยอยู่อันดับที่ 80 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีการทุจริตเพิ่มมากขึ้น

โครงการต่างๆ ของรัฐบาลพบการทุจริตมากมาย ไม่ว่าโครงการชุมชนพอเพียง เอาโครงการที่ในหลวงพระราชทานมาทำให้เกิดการทุจริตขึ้น รัฐบาลปล่อยให้ราคาตู้น้ำเท่ากับบ้านน็อกดาวน์ โครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันซึ่งงบประมาณตั้งแต่ต้นโครงการจนจบ หากคิดในราคาเท่ากันจะได้รถไฟฟ้า 1 สาย

นอกจากนี้ยังมีโครงการต้นกล้าอาชีพ บอกว่าประสบความสำเร็จ แต่เราตรวจสอบพบว่ามีการยักยอกเงินจากโครงการนี้จำนวนมาก ยังมีโครงการโกงชาวนา แจกข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษที่สุดท้ายเป็นข้าวปลอมปน โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์สาธารณสุข ที่เครื่องอัลตราซาวด์ ราคาเท่ารถยนต์ 1 คัน โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่โกงนักเรียน โครงการทุจริตจัดซื้อหัวรถจักร โดยบริษัทที่มีคนนามสกุลเดียวกับคนในรัฐบาล โครงการทุจริตเช่ารถเข็นสนามบินสุวรรณภูมิ 566 ล้านบาท ซึ่งราคาต่อคันซื้อมอเตอร์ไซค์ได้ 2 คัน

ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ทุจริตเฟื่องฟูอย่างไร ซึ่งงบประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ การใช้งบประมาณ 1.01 แสนล้านบาทนั้น พบว่ามีเงินตกหล่นระหว่างทางถึง 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นการทุจริตที่เฟื่องฟูมากที่สุด

การทุจริตทั้งหมดเราจะรวบรวมเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอนรวมทั้งการตอบแทนกลุ่มทุนต่างๆ ด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้การบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด
ที่มี พรรคเพื่อไทย /www.ptp.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น