วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เรื่องสั้นการเมือง
คือ..อำนาจนอกระบบ โดย มนต์ เมืองมาย
“เฮ้ยๆ..ไอ้ขาว อย่าจี๊ด..อย่าสิ เอ๊ะ..ไอ้นี่..มึงจะแผ่อาณาจักรไปถึงไหนวะ”
ผมร้องด่าไอ้ขาว แมวพันธุ์วิเชียรมาศ รูปร่างหน้าตาเหมือนแมวไทยทั่วไป ทว่ามีลักษณะโดดเด่นสะดุดตา จมูกแก้มและรอบดวงหน้าของมันเป็นสีน้ำตาลไหม้ เช่นเดียวกับใบหูเท้าทั้งสี่และหาง ส่วนลำตัวใต้ท้องสีหม่น ย้อนขึ้นมาด้านข้างและสันหลังมีสีคล้ายโอวัลตินประมาณนั้น
จำได้ว่าตอนที่เพิ่งคลอดออกมา ตัวมันขาวสะอาดสะอ้านผ่าเหล่าผ่ากออยู่ตัวเดียวโดดๆในจำนวนพี่น้องทั้งสี่ซึ่งมีสีดำล้วนทั้งหมด มันจึงเป็นแมวที่ประหลาดแหกคอกที่สุดในชีวิตของผม เท่าที่เคยประสบพบเห็นมาตั้งแต่เด็กๆกระทั่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่านนายกอภิสิทธิ์ขณะนี้
ตอนเป็นแมวเด็กๆวีรกรรมของมันคือ คาบสตางค์เหรียญบาทเหรียญห้าเหรียญสิบรวมเป็นเงินยี่สิบสามบาท ก่อนจะคาบยกทรงสีแดงมาให้อีกหนึ่งตัวปิดท้าย จากนั้นมันไม่เคยคาบอะไรมาให้อีกเลย หลายคนวิเคราะห์ว่ามันซวยเพราะของเสื่อมในวันที่คาบยกทรง ซึ่งเป็นของเพื่อนบ้านสุดสวยฝั่งตรงข้ามนี่เอง ผมไม่กล้าเอาไปคืน เกรงจะถูกมองว่าเป็นพวกมีรสนิยมทางเพศแบบวิปริตวิตถาร หากเธอไม่เชื่อว่าเป็นผลงานไอ้ขาวจอมซ่า ผมคงไม่พ้นผิดเพราะจนปัญญาจะแก้ตัวกับศาลที่ใช้ระบบกล่าวหาแบบโบราณ ไม่ใช้ระบบลูกขุนพิสูจน์ความจริงอย่างนานาอารยประเทศ
บางทีอาจถูกกล่าวหาว่ากุเรื่องใส่ร้ายป้ายสีสัตว์โลกผู้น่ารักน่าสงสารก็เป็นได้ พวกมูลนิธิปกป้องสิทธิเสรีภาพสัตว์ก็จะเล่นงานผมงอมพระราม จึงแกล้งเป็นใบ้ไม่หือไม่อือไม่นำพา แม้จะรู้ว่าผิดจริยธรรมเพื่อนบ้านที่ดี แต่ช่างเถอะ..ไม่มีใครรู้นี่หว่า และผมก็ไม่ใช่นักการเมืองหรือผู้บริหารองค์กรอิสระในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องไปสำนึกมันหรอก บางคนโกงเงินชาวบ้านที่พวกเขาเอาไปฝากธนาคารนับพันล้านยังไม่สำนึกสำเหนียก ลอยหน้าลอยตาเสพสุขมีบริวารห้อมล้อมได้รับเกีรยติเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีถ่ายรูปลงหน้าหนังสือพิมพ์หรา
มาที่เรื่องไอ้ขาว ผมเคยรักใคร่สงสารเอ็นดูมัน ทว่าตอนนี้ชักไม่ปลื้มเสียแล้ว มันเป็นหนุ่มใหญ่ที่ซ่าสุดๆชอบไล่กัดเพื่อนๆรุ่นเดอะรุ่นใหญ่รุ่นกลางและรุ่นหนุ่มน้อยเพิ่งแตกพาน เรียกว่ากัดดะไม่ว่างเว้น ชอบหาเรื่องทะเลาะไปทั่ว มันออกลาดตระเวนรอบหมู่บ้านทั้งกลางวันกลางคืน แล้วปล่อยฉี่จี๊ดตรงนั้นจี๊ดตรงนี้เรื่อยไป อาการฉี่ของมันไม่ใช่ปล่อยโจ๊กปล่อยจ๊ากเหมือนหมูหมาวัวควาย มันมีลักษณะเหมือนเราเหนี่ยวไกปืนฉีดน้ำตอนเล่นสงกรานต์ทำนองนั้น
“มันจี๊ดทำไมครับคุณหมอ” ผมเอ่ยถามในวันพาไปฉีดวัคซีนอะไรสักอย่างที่ลืมไปแล้ว ทำนองเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
“มันเป็นการประกาศเขตครอบครองของมัน ทำนองเดียวกับการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจอย่างหน้าด้านๆโดยที่แมวตัวอื่นไม่ได้ยกตีนสนับสนุน มันปฏิวัติเงียบเลยนะคุณ” คุณหมออธิบายเชื่อมโยงจนผมร้องอ้อ เห็นภาพที่เปรียบเทียบถึงมิติชีวิตทางการเมืองของสัตว์และมนุษย์อย่างน่าทึ่ง จึงตั้งใจฟังอย่างสนใจใคร่รู้เป็นพิเศษ
“ให้ตายสิ ผมไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย” ผมสารภาพตามตรงแบบไม่กลัวเสียเหลี่ยมเสียเชิง
“ไม่มีแมวตัวไหนรู้ล่วงหน้า เพราะมันไม่มีหน่วยข่าวกรอง” คุณหมอปล่อยมุขขำๆเรียกรอยยิ้มจากผม ซึ่งเห็นด้วยพันเปอร์เซนต์
“พอมันเดินผ่านมาในเขตปกครองเท่านั้นแหละคุณเอ๊ย ผวาเลย เพราะได้กลิ่นอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่เจ้าถิ่นจี๊ดเอาไว้ มันจะล่าถอยทันที” คุณหมอว่าแล้วเว้นวรรคพักเหนื่อย ผมรีบกล่าวเสริม
“ถ้าไม่ถอยก่อนที่ไอ้ขาวจะลาดตระเวนไปถึง ผู้บุกรุกจะถูกขย้ำตบตีด้วยกรงเล็บอันแข็งแกร่งทรงพลัง อย่างไร้ปรานี” ผมพูดจากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมากับตา คุณหมอพยักหน้า
“ถูก..นั่นเป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่ให้ยอมจำนน ไม่กล้าท้าทายสั่นคลอนอำนาจ”
“อือ..เข้าที พอมันยึดอำนาจได้มันจะหวงอำนาจ สู้ไม่ถอย ตายเป็นตาย เพื่อปกป้องอำนาจ นับถือๆ” ผมช่วยสรุปแบบประชด ใครจะไปนับถือมันได้ลงคอ ผมคิดในใจ
ผมใช้เวลาสนทนากับคุณหมอท่านนั้นนานเป็นพิเศษ เหมือนเพื่อนฝูงคอเดียวกันที่จากกันมานาน ได้รับความรู้ในแง่มุมแปลกๆหาฟังได้ยาก ว่าก็ว่าเถอะ ผมนั่งฟังการบรรยายภาคทฤษฎีทางสังคมวิทยาการเมืองจนจบปริญญามหาบัณฑิต ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวทำนองนี้เลย การพาไอ้ขาวมาพบคุณหมอครั้งนั้นจึงนับเป็นการมายกระดับภูมิปัญญาที่วิเศษสุด ทั้งที่เพิ่งพบกันครั้งแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านชื่อเรียงเสียงไร ทว่าจากนั้นมาสถานการณ์ทางพฤติกรรมของไอ้ขาวก็ยังไม่ดีขึ้น มันทำเหมือนจะยั่วประสาทผมให้คลั่งหนักยิ่งขึ้นไปอีก
“ไปไอ้หงอก เอ้ย..ไอ้ขาว ไปจี๊ดที่อื่น นี่มันบ้านกูบ้านคนนะโว๊ย..ไอ้เปรต” ผมด่าว่ามันหยาบๆคายๆบ่อยครั้งอย่างเอือมระอา มันได้แต่ทำหูรี่หงอไปชั่วครู่เหมือนเกรงใจผมอยู่เหมือนกัน แต่ใจจริงมันไม่นำพาไม่รู้สึกรู้สา ประเดี๋ยวพอเผลอมันก็จี๊ดเข้าให้ ตามตู้เสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้งจอทีวี เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่ผมนั่งทำงาน ถูกมันกระโดดขึ้นจี๊ดประกาศเขตปกครองยึดอำนาจเรียบวุธหมดแล้ว
ที่สำคัญกลิ่นอำนาจของมันฉุนใกล้เคียงฉี่คนดีๆนี่แหละ ผมจึงหมดความอดทนกับพฤติกรรมของมัน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากก่นด่าโครตเง่าศักราชมันไปวันๆอย่างอับจนหนทาง แต่ไม่เคยคิดให้มีอัศวินผู้เยี่ยมยุทธที่ไหนมากำหลาบปราบมัน เพราะไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเชื่อมั่นในพลังการขับเคลื่อนของมวลมหาประชาชน ที่เป็นผลมาจากการเรียนรู้ร่วมกันในการปกป้องอำนาจสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ตนเอง
“ไอ้แมวอัปยศ นี่มึงคิดว่าเงินแค่ยี่สิบสามบาท กับยกทรงมือสองเนี่ย เป็นการจ่ายที่คุ้มค่าแล้วใช่มั้ย ที่มึงจะจี๊ดตรงไหนก็ได้” แม่บ้านผมด่าเข้าให้ เหมือนจะยืนยันว่าเธอเองก็ไม่แคร์และเลิกปลื้มผลงานมันมานานแล้ว ทว่ายังพอเห็นความดีความชอบ ยังมีใจเป็นธรรมกันอยู่จึงสู้ทนไม่ขับไสไล่ส่ง แต่ถ้ามันยังตั้งหน้าสร้างแต่ความบาดหมางรำคาญให้เพื่อนบ้านไม่เว้นแต่ละวันเช่นนี้ เห็นทีจะต้องตัดสินใจตัดหางปล่อยวัด
เธอเบื่อหน่ายมันมากไม่ต่างจากผม วันๆได้แต่เปิดเน็ตท่องเที่ยวไปในโลกไซเบอร์ แสวงหาความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนชาวเน็ต ทำอย่างไรถึงจะแก้ไขนิสัยป่าเถื่อนป่วนบ้านป่วนเมืองของไอ้แมวอันธพาลจอมเกเรตัวนี้ได้ ด้วยหวั่นๆว่าวันหนึ่งมันจะถูกเจ้าของแมวที่มันไปหาเรื่องทุบตีก่อกรรมทำเข็ญไว้ คว้าไม้หน้าสามหวดเข้าให้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากจินตนาการถึงสภาพแมวถูกตีนอนงอขี้ก้องกลับบ้านไม่ถูก ยังรู้สึกเศร้าใจ สมเพชเวทนาในชะตากรรมสัตว์โลกเหมือนกัน แม้ไม่ได้เป็นประธานมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ก็ตาม
“อย่าเลย มันน่าจะมีวิธีจัดการที่นุ่มนวล เป็นไปตามหลักวิชา” ผมแชทกับเพื่อนในวันหนึ่ง มันนิ่งเงียบไปชั่วครู่เหมือนกำลังใช้ความคิด อันที่จริงมันเอื้อมมือบีบก้นแฟน ฝ่ายหญิงพาดผัวะเข้าให้ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วเข้ามาในจินตนาการของผม ก่อนเสนอความเห็นข้างเดียว
“หรือไม่งั้น ก็ต้องหาไอ้ตัวใหญ่ที่มีบารมีกว่ามาถ่วงดุล ช่วยอบรมบ่มนิสัย เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น” โชคดีที่ชาวเน็ตหันมาตอบอย่างสุภาพ
“ยากว่ะ..สาดดด สมัยนี้ พูดกันยาก..ไม่ค่อยรู้เรื่อง มันคนละเจนเนอเรชั่น ยิ่งมีบารมีก็ยิ่งแก่ดักดานเป็นไดโนเสาร์ มันยิ่งไม่ฟังใหญ่ ลำบากว่ะ ปล่อยๆไปเหอะ เรื่องของเด็กๆมัน”
“อ้าว..แล้วจะทำยังไง ปล่อยให้มันไล่กัดเพื่อนบ้านยังงี้เรอะ”
“ไปหาหมอซิ มันอาจจะเป็นโรคจิต พอเห็นใครไม่ชอบหน้าก็มองตาขวางใช่ป่าว”
“เออ..ไม่ชอบไปหมดแหละ มันขู่ฟ้อ..อย่างงูอย่างเสือ อีกอย่าง..มันชอบฉี่เรี่อยเปื่อยด้วยว่ะ”
“อ๊ะ..อะไรนะ เหยี่ยวน่ะเรอะ”
“เออ..มันเหยี่ยวเรี่ยราดจี๊ดๆไปทั่ว บ้านข้าตอนนี้ ทั้งห้องนอนห้องครัวห้องรับแขก(ก็ห้องเดียวกันแหละ) จะกลายเป็นส้วมสาธารณะไปแล้ว เซ็งเป็ดเลยว่ะ”
“โอ๊ย..อีแบบนี้ มันเป็นอาการเจ็บป่วยทางจิตและประสาทร่วมด้วยช่วยกันแหง กล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะของมันต้องมีปัญหา จิตใจก็หวาดวิตก..เจือสมกัน รีบพาไปพบหมอด่วนเลย”
“เคยไปมาแล้ว”
“อ้าวเหรอ แล้วไง ทำไมไม่ดีขึ้น หรือว่าค่ายาแพงเกินงบโครงการ เลยปล่อยแม่ง เออ..ถามหน่อย ได้ไปร่วมมั่งป่าว หนามหลวงน่ะ..ที่โดนเอ็ม 79”
เขาถามด้วยคาดว่าอาจมีเหตุวิกฤตอื่นๆที่ส่งผลต่อระบบประสาทผู้ป่วย ทำให้มีอาการผิดปกติทางร่างกายเช่นนี้เป็นที่รู้กันว่าการชุมนุมในที่สาธารณะนั้นหาความสะดวกสบายเหมือนนอนอยู่บ้านไม่ได้ บางรายอั้นฉี่นับสิบชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน เพราะทนรอคิวเข้าส้วมไม่ไหว เรื่องของเรื่องก็คือหน่วยงานรัฐมีความลำเอียงแม้ในการจัดบริการรถสุขาเคลื่อนที่ มันเป็นสุดยอดโศกนาฏกรรมที่ไม่ทราบจะบรรยายเป็นภาษาอะไรกับนานาอารยประเทศ เพราะเขารู้กันหมดทั้งโลกแล้ว เหลือแต่พวกต่างดาว
“เปล่า..ไปทำไมหนามหลวง เบื่อการเมืองบ้าบอคอแตก มาเรื่องนี้ต่อเหอะ..หมาบอกเอ้ย..หมอบอกว่ามันเป็นธรรมชาติ”
“โธ่..ไอ้กร๊วก บ้าหรือเปล่า เหยี่ยวเล็ดเหยี่ยวราดเต็มบ้านซะขนาดนั้น มันผิดธรรมชาติแล่ว มันต้องเป็นอะไรสักกะอย่าง..ชัวร์ป้าด ไปตรวจกับหมอโรงบาลไหนวะ อยากรู้จัง..ง้าวแท้”
“โรงบาลสัตว์..”
“เอ้า..ไอ้เปรต นี่มันเรื่องหมาๆนี่หว่า เสือกแชทมาได้ไอ้เวร..หนักแผ่นดินจริงๆมรึง”
“เปล่า..เรื่องแมวๆโว๊ย..มรึงก็”
“เออ..ครือกัน พอเหอะ เมียนอนรอเงกแล้ว..สาดดด”
“เฮ้อ..เวรกรรม” ผมบ่นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกหนักอกกับบรรดามิตรสหายในโลกไซเบอร์ ซึ่งนับเป็นแหล่งรวมภูมิปัญญายุคใหม่ แต่ไม่สามารถให้คำตอบที่ผมเฝ้าค้นหามานานได้เลย นี่มันอะไรกัน แผ่นดินนี้อับจนภูมิปัญญาถึงเพียงนี้เชียวหรือ กี่รายที่ผมโพสต์ข้อความสอบถามความเห็น มักจะมีทัศนะออกมาในทำนองเดียวกัน
มันทำให้ผมเริ่มท้อใจไม่รู้จะทำอย่างไรกับปัญหาอันหนักหน่วงที่ผมและภรรยาแบกรับอยู่ ทั้งที่ไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนใดๆเลย นอกจากเงินยี่สิบสามบาทและยกทรงหนึ่งตัว เงินแค่นั้นจะพอยาไส้ได้สักกี่มื้อ อย่างดีก็ซื้อไวไวได้ไม่เกินสี่ซอง ส่วนยกทรงนั่นแม่ยายก็เอาไปใส่เสียจนเปื่อย เพราะหน้าอกหน้าใจภรรยาผมก็ขนาดคัพบี ดูเอาเถอะ แทบไม่มีใครได้อะไรสักเท่าใด
บางทีเราอาจจะต้องรอคอยจนกว่ามันจะแก่ตายไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ หรือไม่ก็ต้องตัดใจเอาไปปล่อยวัดจริงๆเสียที อย่างที่เคยคิดเอาไว้นานแล้ว ไม่แน่ผมอาจจะตั้งมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์รับเงินบริจาคเหมือนใครบางคนที่ถูกแซวเล่นๆว่าเป็นมหาหมาเลี้ยง คือเอาสุนัขบังหน้าทำมาหากินไปวันๆ โดยตัวผมเองยึดตำแหน่งประธานกรรมการบริหารมานั่ง ส่วนตำแหน่งเลขาฯยกให้ภรรยาครอบครอง ถ้าเธอจะขอควบตำแหน่งเหรัญญิกอีกเก้าอี้ผมก็คงไม่ขัดใจ พวกกรรมการก็ลากเอาคนหัวอ่อนพูดจาเออออห่อหมกง่ายๆไม่มากเรื่องมาตั้งเข้าไปพอครบเงื่อนไขครบกระบวนการ เท่านั้นก็จบ
“โฮ..แหล่มเลย” ผมอุทานกับไอเดียกระฉูดสุดเจ๋ง ที่เพิ่งเค้นออกมาได้จากสมองซีกไหนผมก็ลืมๆ หลังจากที่คิดค้นมาสามปีดีดัก เสาะหาข้อมูลพร้อมทั้งเสียเวลาแชทกับเพื่อนชาวเน็ตมาจนเซ็งหลายรอบ
โครงการอย่างคร่าวๆคือผมจะเจียดที่ข้างบ้านสร้างเป็นบ้านน้องแมวแสนรัก ทำกรงให้มันอยู่ล๊อคใครล๊อคมันชัดเจน มีอาณาจักรของใครของมัน ไม่ก้าวก่ายขยายอำนาจลุกล้ำอธิปไตยกันได้อีก ผมจะเป็นคนถ่วงดุลรักษาอำนาจและใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมเท่าเทียม โดยกฎเกณฑ์กติกาที่กำหนดขึ้นใหม่ ซึ่งให้แมวทุกตัวมีสิทธิเสรีภาพภายในขอบเขตเท่าเทียมกัน เพราะบริเวณบ้านมีพื้นที่จำกัด จะปล่อยให้แมวตัวไหนมาเที่ยวจี๊ดประกาศเขตปกครองอย่างแต่ก่อนไม่ได้อีกต่อไป
“เฮ้อ..จบสิ้นกันที กับปัญหาหนักอกที่สุมหัวจนมึนอึนยองมานาน” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ภูมิปัญญาทั้งหลายก็อยู่ในหัวผมนี่เอง น่าภาคภูมิใจอะไรเช่นนี้ เสียเวลาแสวงหาอยู่ทำไมตั้งสามปี
ผมกระหยิ่มยิ้มย่องลุกจากที่นอนซึ่งยังคงอบอวลด้วยกลิ่นรัฏฐาธิปัตย์ของไอ้ขาว ก้าวออกไปหน้าบ้านในเวลาพลบค่ำเพื่อเปิดไฟหน้าประตู รอคอยไอ้ขาวจะกลับเข้ามากินอาหาร เป็นมื้อดีนเนอร์ที่สำคัญของมัน ก่อนออกลาดตระเวนคุ้มครองเขตปลดปล่อย ซึ่งว่าที่ประธานมูลนิธิฯอย่างผมได้ตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อย มีอาหารเม็ดสำเร็จรูปหนึ่งจานกับน้ำสะอาดหนึ่งถ้วย
“เอ๊..นี่ผมเป็นขี้ข้ามันหรือเปล่า หรือกำลังเข้าไปแทรกแซง ทำตัวเป็นอัศวินขี้ม้าขาว” ผมนึกสงสัยในสิ่งที่ได้กระทำลงไป
“เอาน่า..มรึงก็เลี้ยงมันมาทั้งชีวิต มันชัดอยู่แล้วว่าใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นขี้ข้า” ผมตอบตัวเองก่อนตัดสินใจเด็ดขาดยืนยันเจตนารมณ์
“เอาวะ..ใครจะว่าผมเป็นขี้ข้าแมว เป็นคุณมหาแมวเลี้ยงก็ช่าง ต่อไปพอเรื่องของผม มูลนิธิฯของผมถูกตีแผ่โดยสื่อที่ไม่เลือกข้าง ผมต้องดังยิ่งกว่าพลุตกที่สนามหลวงแน่”
“ผมจะกลายเป็นผู้มีจิตใจประเสริฐงดงามในสายตาชาวโลก ผู้ใจบุญจะช่วยสนับสนุนผมด้วยการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิฯจนนับไม่หวาดไม่ไหว มีกิจการเป็นของตัวเอง สบายไป”
“และเมื่อผมมีชื่อเสียง พรรคการเมืองก็จะมาเชิญไปเข้าร่วมอุดมการณ์ ได้ลงสมัครส.ส. โอ้..แม่เจ้า แล้วผมจะปั้นหน้ายังไง เวลาขึ้นเวทีหาเสียง โอ..หนักใจ”
“พี่..ไอ้ขาวมาหรือยัง” ผมสะดุ้งตื่นจากฝันตอนหัวค่ำเอ่ยปากบอกภรรยา
“เอ..ยังไม่เห็นหัวมันเลย”
“ไอ้นี่ ไปไหนของมันวะ” ผมบ่นพลางออกเดินตามหา
“เหมี๊ยวๆๆๆๆไอ้ขาว เหมี๊ยวๆๆๆๆขาว อยู่ไหนวะ” เรียกพลางสอดส่ายสายตามองหาตามหลืบมุมรอบบ้าน ก่อนเดินขึ้นไปบนสะพานเส้นทางสัญจรขนาดกว้างหนึ่งเมตรภายในชุมชน บ้านเราเป็นชุมชนเล็กๆอาศัยเช่าที่วัดปลูกอยู่ มันเป็นพื้นที่ราบลุ่มเหมือนท้องนา ด้วยหมู่บ้านจัดสรรรอบๆชุมชนถมที่กันหมด บ้านของพวกเราจึงกลายเป็นชุมชนในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ รกรุงรังหนาแน่นด้วยต้นธูปฤาษีสูงท่วมหัว มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันเหมือนเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างแท้จริง จึงไม่แปลกและไม่เหนือความคาดหมายที่ไอ้ขาวจะพากเพียรเข้ายึดครองจนสำเร็จ
“เหมี๊ยวๆๆๆๆๆ..ขาว” ผมเรียกจนเริ่มเหนื่อยเริ่มเซ็ง ก่อนเหลือบไปเห็นไอ้ขาวก้าวขาวิ่งออกจากบ้านไม้ที่ไม่มีเจ้าของอยู่ ตามสะพานไม้กว้างหนึ่งศอกมาแล้วชะงักเบรคตัวโก่ง ขนทั้งตัวลุกซู่ชูชันพองก๋าตั้งท่าสู้ ทว่า..
“เหมี๊ยววววว...แอ๊วววว” มันร้องสุดเสียงคำแรกก่อนแหบโหยครวญครางในลำคอช่วงท้าย เมื่อพิษร้ายแทรกซึมเข้าเส้นประสาทสั่งการของสมอง พร้อมแรงบีบรัดอัดแน่นหนักหน่วงรอบตัว แข้งขาของมันอ่อนแรงจะดิ้นรนถีบข่วนฝ่ายตรงข้ามลงทุกขณะจนเชื่องช้าต่อมา ผมใจหายขนลุกซู่คว้าไม้แถวนั้นคว้าง มันสะดุ้งม้วนตัวรึงรัดทั้งปากยังกัดคอไอ้ขาว พาหล่นลงน้ำจมหายไปในพงต้นธูปฤาษี
จบสิ้นกันทีกับตำนานไอ้ขาวจ้าวอาณาจักรจอมอหังการ์ คงเหลือไว้เพียงความทรงจำระหว่างผมกับมัน ที่อุปถัมภ์คำชูกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย กำลังจะยื่นมือเข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาทขัดแย้งจัดสรรอำนาจให้เกิดการถ่วงดุล ทว่ากลับถูกอำนาจลึกลับไม่ทราบฝ่ายชิงฆาตกรรมสำเร็จโทษเสียก่อน มันมาจากไหน ? มันคืออะไร..? มันมาแล้วไปอย่างไร้ร่องรอย ไร้ระบบกฎเกณฑ์จะลงโทษลงทัณฑ์
***************************
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น