วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ควันหลงคดีศิวรักษ์


ควันหลงจากคดีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรหนุ่ม วัย 31 ปี ทำงานบริษัทกัมพูชา แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส หรือ CATS ซึ่งถูกดำเนินคดีและตัดสินไปแล้วโดยศาลกัมพูชาว่ามีความผิดจริง ข้อหาจารกรรมข้อมูลตารางการบินของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร

นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ได้ร้องขอไปยังพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยลงนามในหนังสือถึงสมเด็จฮุนเซนขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ และอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรช่วยประสานนอกรอบกับสมเด็จฮุนเซนให้อีกทางเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ จนได้รับพระราชทานอภัยโทษไปเรียบร้อย และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายศิวรักษ์ได้ทำการอุปสมบทที่วัดป่าศรัทธาราม ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้รู้กันดีจากสื่อหลายกระแสทั้งในไทยและต่างประเทศ

แต่จากควันหลงคดีนี้ ทำเอากระทรวงการต่างประเทศออกมาเต้นผาง เมื่อมีข่าวว่าเอกสารลับทางราชการเสนอแผนกำจัด “ทักษิณ” ส่งถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเกิดรั่วไปถึงมือนายจตุพร พรหมพันธ์ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งออกมาปูดว่า กระทรวงการต่างประเทศวางแผนกำจัดทักษิณก่อนสิ้นปี สั่งเร่งปิดทุกคดีใน 6 มกราคม 2553 และประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน พร้อมกันนั้นได้นำเอกสารตราครุฑ ประทับคำสั่ง ลับมากและด่วนที่สุด ที่ กต. 303/2555 กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา กทม.10400 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ลงลายมือชื่อนายกษิต ภิมรมย์ รมว.ต่างประเทศ และส่งถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาประกอบการแถงข่าว โดยเอกสารดังกล่าวระบุ เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยอ้างถึง หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ลับมาก ด่วนที่สุดที่ กต 1302/2318 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.เอกสารแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 2.ตารางการส่งสัญญาณและระดับความรุนแรงเพื่อเตรียมมาตรการป้องปรามและตอบโต้การกระทำของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างเป็นขั้นตอน ออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อหลายกระแส

เมื่อมีข่าวออกมาเช่นนั้น กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจสั่งเร่งดำเนินการตรวจสอบ และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ก็ออกมายอมรับว่าเอกสารลับที่รั่วไหลไปถึงมือแกนนำคนเสื้อแดงนั้นเป็นของจริง ขณะนี้ได้เตรียมการหารืออัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธ์ ข้อหาเผยแพร่เอกสารลับของทางราชการ พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการสอบเอกสารลับถึงนากยรัฐมนตรีรั่วไปถึงมือนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนเสื้อแดงได้อย่างไร

เอกสารทางราชการถือเป็นเอกสารสำคัญเมื่อรั่วไหลออกไปภายนอกย่อมเป็นปัญหาใหญ่และอาจส่งผลกระทบร้ายแรง และหากเป็นข้อมูลสำคัญ อาทิ ข้อมูลด้านความมั่นคง ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ซึ่งเรื่องใหญ่ขนาดนี้บรรดาผู้เกี่ยวข้องไม่น่าปล่อยปะละเลยให้เกิดขึ้น และคงมีหลายฝ่ายออกมาเห็นด้วยที่ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

หากแต่ในอีกมุนมองหนึ่งซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และรุนแรงไม่แพ้กัน ซ้ำยังเป็นที่สนใจและติดตามอย่างใกล้ชิดจากหลายฝ่ายทั้งคนไทยและต่างชาตินั่นก็คือข่าว การวางแผนกำจัด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารไปเมื่อ 19 กันยายน 2549 ด้วยข้ออ้างยอดฮิตที่ดูเหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จ คือ
1.รัฐบาลบริหารประเทศบกพร่อง มีการทุจริต คอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง
2.บ้านเมืองมีความวุ่นวาย เกิดความแตกแยกของประชาชนโดยรวม
3.มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ
4.สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกล่วงละเมิด

เมื่อปลายปี 2549 หลายฝ่ายมองว่าการปฏิวัติรัฐประหารในครั้งนั้น ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว เหมาะสมแล้ว เนื่องจากมีความหวังว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองที่แตกแยกรุนแรงจนไม่สามารถหาข้อยุติได้ จบลงด้วยดีโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนในชาติ หากแต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นอย่างหวัง ซ้ำยังมีทีท่าว่าความแตกแยกนั้นจะร้าวลึกลุกลามบานปลายและขยายออกไปในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังบานทะโร่ไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เหตุจากการจารกรรมข้อมูลตารางการบินที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและยังเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซนอีกด้วย

และจากควันหลงคดีจารกรรมตารางการบินของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางไปรับตำแหน่งที่ประเทศกัมพูชา ประกอบกับเอกสารที่อยู่ในมือนายจตุพร พรหมพันธ์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ออกมายอมรับว่าเอกสารลับฉบับนั้นเป็นของจริง ซ้ำยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องรวมถึงเตรียมดำเนินคดีกับแกนนำคนเสื้อแดง ทำให้สายตาคนไทยและคงมีสายตาชาวโลกอีกจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสยว่า “อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร” ทำผิดร้ายแรงมากนักหรือ กระทรวงการต่างประเทศจึงต้องเสนอแผนกำจัดนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทยให้พ้นไปจากโลกใบนี้โดยมีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรหนุ่มอนาคตไกลเป็นเบี้ยในกระดาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น