วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ของเก่ามาเล่าใหม่ ปปช. แจงคืบหน้า 5 เรื่องใหญ่

คัดลอกมาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 05 มกราคม พ.ศ. 2553

ปปชแจงคืบหน้า5เรื่องใหญ่ ชี้ชะตา "จุรินทร์"คดีทุจริตยางฯเดือนนี้-"จารุวรรณ"เจอ2 เด้ง-มาร์คโดนด้วย

ป.ป.ช.แจงไต่สวน 5 เรื่องสำคัญรัฐบาล"อภิสิทธิ์-ชวน"คืบหน้า สรุปแล้ว 1 เรื่องเตรียมนำเรื่องคดีทุจริตยางพารากล่าวหา"จุรินทร์"เข้าชี้ขาดในเดือนมกราคม ขณะ"จารุวรรณ เมณฑกา" เจอ 2 เด้ง "ตั๋วฟรีบินไทย-เบิกค่าสัมมนาเท็จ"

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เผยแพร่เอกสารข่าวผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 5 มกราคมชี้แจงกรณีที่ นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายพร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช.ขอให้เร่งรัดการดำเนินคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่า บางคดีอาจใกล้ขาดอายุความ รวม 5 เรื่องว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เร่งรัดการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องสำคัญ ๆ มาโดยตลอด ซึ่งรวมถึงเรื่องทัง้ ห้าเรื่องข้างต้นนีด้วยแต่โดยที่บางเรื่องมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งที่เป็นพยานเอกสารและพยานบุคคลจำนวนมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้การดำเนินการต้องล่าช้าไปบ้าง

ทั้งนี้หลายเรื่องมีความคืบหน้า เช่น องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)ได้สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว พอที่จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาได้ ขณะที่คดีทุจริตโครงการยางพารา เตรียมสรุปสำนวนเชือด-ไม่เชือด"จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขณะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายในเดือนมกราคมนี้

สำหรับรายละเอียดความคืบหน้า ทั้ง 5 เรื่องมีดังนี้
1. เรื่องกล่าวหา (ปรส.) มีทั้งสิ้น 6 เรื่อง แยกเป็นเรื่องที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ซึ่งหน่วยงานทั้งสอง ส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการ จำนวน 5 เรื่อง ส่วนอีก 1 เรื่อง เป็นเรื่องที่ชมรมนักวิชาการช่วยชาติ มีหนังสือกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้ ้

1.1 กล่าวหา คณะกรรมการปรส.รวมทั้ง ผู้บริหาร ปรส. จัดกลุ่มหนี้มียอดหนี ้14,139 กองย่อย มารวมเป็น 32 กองใหญ่ และสินทรัพย์เป็นกองใหญ่ ทำให้แต่ละกองสินทรัพย์ใหญ่มีมูลค่าสูงอย่างตํ่า 2,242 ล้านบาทเศษ อย่างสูง 34,426 ล้านบาทเศษเพื่อเอื้อ ประโยชน์ให้บริษัทต่างชาติเข้าประมูลได้ เนื่องจากประชาชนคนไทยทั่วไปไม่มีกำลังเงินเพียงพอ

1.2 กล่าวหา เลขาธิการ ปรส.กับพวก ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ กลุ่ม BL 19, BL 20, BL 21 และ BL 22ให้แก่กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอลโดยมิชอบ

1.3 กล่าวหา นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง(สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัยปลายปี 2540- ต้นปี 2544)และคณะกรรมการปรส. อนุญาตให้บริษัทเลแมนบราเดอร์สโฮลดิง้ อิง้ ค์ฯ เข้าร่วมประมูลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการในมูลค่าตํ่า ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของประเทศตกตํ่าและเกิดความเสียหาย

1.4 กล่าวหา นายธารินทร์กับพวก ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการตามสัญญาขายสินเชื่อพาณิชย์ และสินเชื่ออื่น (FRA 06 – CO) ให้ ASO I (Delaware) L.LC และกองทุนรวมแกมม่าแคปปิตอลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ

1.5 กล่าวหา นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธาน ปรส.กับพวก ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ ตามสัญญาขายสินเชื่อธุรกิจสำหรับการจำหน่ายเลขที่ FRA 07 – COS ให้กับบริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และกองทุนรวม เอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

1.6 กล่าวหา เลขาธิการ และคณะกรรมการ ปรส.ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงิน คือ บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ไทยธนากร จำกัด และบริษัท เงินทุนชาติไพบูลย์ จำกัด โดยมิชอบ รวมทัง้ ขายทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินให้กับกองทุนรวมไทย รีสตรัคเจอริ่ง และบริษัท เงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เรื่องกล่าาวหาทั้ง 6 เรื่องดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตัง้ คณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมี ศ.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นเสร็จแล้วทั้ง 6 เรื่อง และเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2553 เห็นว่า ทั้ง 6 เรื่อง มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหามีมูลที่จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่เพียงใด เป็นผู้ถูกกล่าวหารายใดบ้างแล้ว

2. เรื่องกล่าวหา เจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกับเอกชน ออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 และ น.ส.3 ก.โดยมิชอบ ทับที่สาธารณประโยชน์ “ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกเขากระโดง” ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว แต่เนื่องจากมีประเด็นเกี่ยวกับที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 และ น.ส.3 ก ว่า ทับที่สาธารณประโยชน์ “ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกเขากระโดง” ตาม

คำกล่าวหาหรือไม่ จึงได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศ ดำเนินการตรวจสอบ ทำแผนที่ อ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศให้ชัดเจน เพื่อเป็นพยานหลักฐานประกอบการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานคงจะแล้วเสร็จ

3. เรื่องกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหา คุณหญิงกับพวก จำนวน 2 เรื่องแล้ว โดยมี ศ.ภักดี โพธิศิริ เป็นประธานอนุกรรมการ ได้แก่

3.1 เรื่องกล่าวหา คุณหญิง จารุวรรณ กับพวกกรณีอนุมัติให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร "ผู้บริหาร/ผู้เชี่ยวชาญยุคใหม่" เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และผู้ติดตาม เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประเทศฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์และอิตาลี โดยมีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายโดยมิชอบ(กล่าวหาว่า ใช้ตั๋วฟรีการบินไทย แต่ใส่ชื่อลูกสาวและน้องสาวเข้าไป)

3.2 เรื่องกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ กับพวกกรณีการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พักในการจัดอบรมตามโครงการประชุมสัมมนาผู้บริหารที่จังหวัดน่านโดยมิชอบ(มีการกล่าวหาว่า เป็นการเดินทางไปทอดกฐินหลวง แต่กลับเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อสัมมนา เพราะการเดินทางไปกฐินหลวงเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงไม่ได้)

เรื่องกล่าวหาทั้งสองเรื่องดังกล่าว อยู่ในระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวน

4. เรื่องกล่าวหา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีทุจริตโครงการยางพารา
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการไต่สวน ข้อเท็จจริงแล้ว มี ศ. เมธี ครองแก้ว เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนได้ไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และจะได้เสนอสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. สั่งให้จัดเข้าวาระการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2553 นี้

5. เรื่องคำร้องขอให้ถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งกรณีขอให้บริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งข้อความสัน้ (SMS) จากนายกรัฐมนตรีไปยังประชาชน

เป็นกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา มีหนังสือกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เและ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 กรณีขอให้บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 3 รายส่ง SMS ไปให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้มีรายได้จากการให้บริการดังกล่าว

นอกจากนี้ประธานวุฒิสภา ยังได้มีหนังสือส่งคำร้องของ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง และ ส.ส. ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทัง้ หมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ถอดถอน นายอภิสิทธิ์ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนี้

1. กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ไม่ส่งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครรับเลือกตัง้ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน2549, เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมิได้เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย, เป็นตัวการหรือผู้ให้การสนับสนุนหรือสั่งการให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กระทำการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, มีส่วนในการปกปิด ซ่อนเร้นการรับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจากบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์, ปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวเขตติดต่อกันทำถนนบุกรุกยึดครองใช้พืน้ ที่ดินแดนของประเทศไทยเป็นทางขึน้ เขาพระวิหาร, ออกหนังสือรับรองความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ให้แก่นายธานินทร์ ใจสมุทร อันเป็นเท็จ และขอให้บริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครือข่าย True Move, AIS และ DTAC ส่งข้อความ SMS จากนายกรัฐมนตรีไปยังประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เครือข่ายของตน

2.กล่าวหา นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ปกปิด ซ่อนเร้น การรับเงินบริจาคสนับสนุนพรรคการเมืองจากบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

3.กล่าวหา นายกรณ์ ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ขอให้บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย True Move, AISและ DTAC ส่งข้อความ SMS จากนายกรัฐมนตรีไปยังประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์

4.กล่าวหา นายกษิต ภิรมย์ ปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกันทำถนนรุกล้ำใช้ดินแดนของประเทศไทยเป็นทางขึ้น ปราสาทเขาพระวิหาร

5.กล่าวหา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เสนอแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมิชอบ

6.กล่าวหา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ร่วมกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารและจัดสรรงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

เนื่องจากคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีอีก 5 คนดังกล่าาว ้มีประเด็นเรื่องการขอให้บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 3 ราย ส่ง SMSไปให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายรวมอยู่ด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอน นายอภิสิทธิ์และรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ออกจากตำแหน่ง และให้นำเรื่องที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และนายเรืองไกรลีกิจวัฒนะ กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ มารวมดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงไปในคราวเดียวกัน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงคำร้องขอให้ถอดถอนข้างต้นเสร็จสิน้ ในบางข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยังมีบางข้อกล่าวหาที่จะต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประเด็น

โดยเหตุที่เป็นการร้องขอให้ถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่ง ในหลายข้อกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงกำหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยในข้อกล่าวหาต่าง ๆ ทัง้ หมดไปพร้อม ๆ กัน คาดว่า จะสามารถประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ภายในต้นปี พ.ศ. 2553 นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น