วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กรณีศึกษาเหลือง-แดง อุดรฯ สู่โมเดลประชาธิปไตยไร้สี



โดย... konbangpood

บทนำ
จังหวัดอุดรธานีถือเป็นพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งรุนแรงระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ตลอดระยะเวลาเกือบสี่ปีมาแล้ว ณ วันนี้ยังไม่มีกลไกเชื่อมประสานให้หันหน้าเข้ามาพูดคุยกันได้ ต่างฝ่ายยังคงตั้งป้อมโจมตีด่าทอซึ่งกันและกันว่าถูกหลอกให้สยบยอมเป็นทาสรับใช้ผู้นำกลุ่มของตน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากความสูญเปล่าทั้งวันเวลา เศรษฐกิจและจิตใจที่เคยดีมียิ้มสยาม
นักวิเคราะห์บางท่านมองว่า พวกเขาทั้งสองกลุ่มต่างก็ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง เพียงเพราะนักการเมืองและกลุ่มทุนในเครือต่างแสวงหาอำนาจและต้องการครอบครองอำนาจผลประโยชน์ และทั้งที่เกิดเหตุปะทะรุนแรง ทั้งสองกลุ่มกลับกล่าวอ้างว่าตนเองเคลื่อนไหวตามแนวทางประชาธิปไตย ตามสิทธิเสรีภาพแห่งรัฐธรรมนูญ ความจริงคืออะไร หลายคนอาจตั้งคำถามอย่างงุนงง สับสนในความถูกผิดที่ผันแปรไปตามอำนาจวาทะที่เสกสรรปั้นแต่งกันได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะมองอย่างไร ผู้เขียนจะขอทบทวนสถานการณ์เพื่อค้นหาคำตอบและเสนอแนะสิ่งที่ควรจะเป็น ดังนี้

ทบทวนสถานการณ์
นับแต่เดือนกันยายน 2548 ที่เริ่มมีการปลุกกระแสต่อต้านรัฐบาลนายกทักษิณผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ก่อนถูกปรับออกจากผังรายการเพราะนำเสนอเรื่องราวการแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการผู้ปฏิบัติงานแทนสมเด็จพระสังฆราชว่าเป็นการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชซ้อน ส่งผลให้สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของรายการต้องมาดำเนินรายการแบบสัญจรไปในสถานที่ต่างๆ เช่น หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น มีผู้คนให้ความสนใจติดตามชมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

พร้อมกับการเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าวิตกของกระแสต่อต้านรัฐบาลทักษิณนั้น ฝ่ายผู้ชื่นชอบศรัทธาในการทำงานของคุณทักษิณไม่อาจนิ่งดูดาย ขวัญชัย ไพรพนา (สาราคำ) คือหนึ่งในจำนวนนั้น เขาเป็นอดีตนักจัดรายการวิทยุหรือดีเจเพลงลูกทุ่งเพื่อนรักสายัณห์คนเก่าพี่เป้าคนเดิม มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอเดิมบางนางบวชสุพรรณบุรี ขวัญชัยใช้สถานีวิทยุชุมชนที่อยู่ในมือ เป็นกระบอกเสียงประกาศตอบโต้สื่อในเครือผู้จัดการอย่างไม่หวั่นเกรง นานวันเข้าก็เกิดกระแสต่อต้านสนธิ ลิ้มทองกุลและเครือข่ายกว้างขวางยิ่งขึ้น ชมรมคนรักอุดรที่ขวัญชัยและแฟนคลับตั้งขึ้นเมื่อ 2 เมษายน 2548 เพื่อพบปะสังสรรค์และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์กลับแปรเปลี่ยนมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เคลื่อนไหวปกป้องสนับสนุนรัฐบาลนายกทักษิณอย่างเป็นงานหลัก

“ผมจัดรายการวิทยุมีมิตรรักนักฟังเป็นแฟนคลับมากมาย จัดงานคอนเสิร์ต จัดประกวดนักร้องเพลงลูกทุ่งเมื่อไหร่ ประชาชนต่างให้ความใจล้นหลาม แต่ก็ไม่ภาคภูมิใจเหมือนขณะนี้ที่ได้มาร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ชีวิตก็ไม่มีความปลอดภัย ไม่มีเวลาทำอะไรเป็นการส่วนตัว อยากไปนั่งพักผ่อนในที่สาธารณะก็ทำไม่ได้” ขวัญชัยกล่าวกับวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ที่สถานีประชาชน

ที่กล่าวเช่นนั้นเนื่องเพราะ วันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2550 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขณะกำลังนั่งรับประทานข้าวต้มในร้านข้าวต้มแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี มีชายฉกรรจ์เดินเข้ามาข้างหลังใช้ไม้ตีที่ศีรษะ เขาขยับหลบจึงโดนไม่เต็มเป้า ได้รับบาดเจ็บ ถัดจากนั้นมา 4 วัน คือวันที่ 22 ธันวาคม 2550 เวลา 04.15 น. มีชายฉกรรจ์ 3 คนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มา 2 คัน ในมือแต่ละคนถือมีดสปาร์ตาร์ที่เอวพกปืน เข้ามาใช้มีดทุบกระจกประตูสำนักงานสถานีวิทยุแตก 2 บาน แล้วโยนระเบิดขวดบรรจุน้ำมันเข้าไปเกิดไฟลุกไหม้และจุดไฟเผาซ้ำ ชาวบ้านใกล้เคียงมาช่วยดับไฟได้ทัน เครื่องส่งวิทยุที่ซื้อหามาได้ด้วยเงินบริจาคของประชาชนไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนตัวเขาหลบอยู่ข้างในจึงปลอดภัย

แม้ว่าถูกคุกคามเอาชีวิตถึงสองครั้ง ขวัญชัยยังคงเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรต่อมาอย่างไม่หวั่นเกรงเช่นเดิม
วันที่ 28 มิถุนายน 2551 บุกเข้าไปปิดล้อมหน้าบ้านนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตร ที่กำลังตั้งเวทีปราศรัยหน้าบ้านตนเองจนต้องยกเลิกกิจกรรมการชุมนุมไปโดยปริยาย

วันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ใช้วิทยุชุมชนประกาศระดมพลบุกไปขับไล่กลุ่มพันธมิตรที่มาตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เกิดการปะทะมีผู้บาดเจ็บ 13 คน สาหัส 3 คน (บ้างก็ว่าบาดเจ็บ 20 คน) นายเจริญ ปลอดภัย ส่วนนางธันยนันท์ จรัลจิรวงศ์ แกนนำคนหนึ่งถูกทำร้ายสลบคาที่

ก่อนเข้ามาร่วมงานกับกลุ่มพันธมิตร นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ เป็นผู้ประสานงานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเอ็นจีโอในภาคอีสานคัดค้านการให้ประทานบัตรเข้าสำรวจทำเหมืองแร่โปแตช ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ซึ่งมีนายเปรมชัย กรรณสูตร เป็นประธาน ด้วยเหตุผลที่ว่าการทำเหมืองแร่จะก่อผลกระทบต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่

นายเจริญ และพันธมิตรคนอื่นๆ มีนายประกาศิต รูปสูง เป็นต้น ได้ร่วมกันจัดตั้งสถานีวิทยุขึ้น ตามโครงการสถานีวิทยุอุดรธานีเพื่อประชาธิปไตย ทำการออกอากาศเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าถึงเที่ยงคืนทุกวัน ในคลื่นความถี่ 95.25 เม็กเฮิร์ตช์ ปะทะกับคลื่น 97.75 เม็กเฮิร์ตช์ คลื่นมวลชนสัมพันธ์ของขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งดำเนินการออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2548
นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งร้านค้าASTVShop จำนวน 4 ร้าน กระจายไปทั้งสี่มุมเมืองของจังหวัดอุดรธานี เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์เนมASTVของสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำแห่งการกู้ชาติของพวกเขา ร้านค้าที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายร้านขายของโชห่วยที่เห็นอยู่ทั่วไปตามตึกแถวในเมือง จำหน่ายข้าวสาร กะปิ น้ำปลา ซอส เป็นหลัก เพื่อสร้างเม็ดเงินให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจชาวพันธมิตร ทำให้มีสภาพคล่องดำรงอยู่ได้อย่างไม่ฝืดเคือง ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งร้านที่ว่า(www.mannager.co.th
5/11/2009)
1.เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าASTV products ให้กระจายสู่ประชาชนให้มากที่สุด อันจะเป็นการช่วยให้ASTVมีรายได้สนับสนุนมากขึ้น
2.เพื่อเป็นแหล่งรายได้ของพันธมิตรอุดรในการทำกิจกรรมต่างๆโดยไม่ต้องรบกวนพี่น้องมากนัก
3.เพื่อสนับสนุนรายจ่ายของสถานีวิทยุอุดรธานีเพื่อประชาธิปไตย 95.25 MHz
4.เพื่อให้บริการพี่น้องในการอุดหนุนสินค้าของASTVShopได้สะดวกยิ่งขึ้น
5.เพื่อสนับสนุนกองทุนก่อตั้งศูนย์รวมการ์ดพันธมิตรอุดรธานีอย่างเป็นทางการ
มีการระดมทุนการจัดตั้งร้านค้าด้วยการขายหุ้น 500 หุ้น ราคาหุ้นละ 1,000 บาท ในเพดานคนละไม่เกิน 10 หุ้น ตามข่าวแจ้งว่าให้ติดต่อซื้อหุ้นร้านค้าสาขา 1 ได้ที่ห้างทองศรีอุดรของนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ตั้งอยู่ที่หน้าตลาดบ้านห้วย เมืองอุดร สาขา 2 ซื้อได้ที่ศาลาข้าวไทย ตลาดโพธิ์ศรี สาขา 3 ซื้อได้ที่กุ้งเตี๋ยว บ้านเดื่อ สาขา 4 ไม่ได้ระบุ

บทวิเคราะห์
จากข้อมูลที่ได้ทบทวนมาข้างต้น เราอาจนำมาวิเคราะห์หาความจริงและเสนอแนะได้ว่า
1.การเคารพยึดมั่นในหลักความเสมอภาคเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ ภราดรภาพ ถูกละเลยทั้งหมด ทั้งสองกลุ่มไม่ได้มองว่าทุกคนที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทยคือพี่น้องร่วมชาติ(ภราดรภาพ) จึงแบ่งแยกเป็นสีเหลืองสีแดง ด่าทอทุบตีซึ่งกันและกัน เพียงเพราะมีความเห็นที่แตกต่าง การที่ใครจะคิดเห็นแตกต่างจากเรานั้นถือเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรองว่าไม่ผิด เป็นเรื่องที่ไม่อาจปิดกั้นห้ามปราม(สิทธิเสรีภาพ) ตราบเท่าที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าความคิดและการกระทำนั้นส่งผลให้ประเทศชาติย่อยยับลงไปอย่างไร เราต้องอธิบายให้ได้ว่าเรื่องที่เห็นต่างกันนั้นความจริงคืออะไร และควรให้เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้พิสูจน์ตัดสิน ทุกปัญหาจึงจะมีทางออก เพราะยอมรับฟังผู้อื่น ยอมละทิ้งความยึดถือความเห็นตนเองลงได้ แสดงความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาที่เมื่อรู้ว่าแพ้ก็ต้องยอมรับ รู้จักพัฒนาตนเองให้พร้อมที่จะเป็นผู้ชนะในโอกาสหรือวาระต่อไป ไม่ใช่แพ้ไม่ได้แพ้ไม่เป็น เดี๋ยวจะเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี

2.มีความพยายามในการสร้างเครือข่ายขุมกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สร้างมวลชนที่เป็นแนวร่วมจากการกล่อมเกลาชักนำโดยสื่อวิทยุ สื่อทางเว็บไซต์ สร้างแหล่งรายได้จากร้านค้าของตนเองที่เรียกว่าASTVShop เพื่อระดมทุนสนับสนุนการต่อสู้เคลื่อนไหว ที่เห็นได้ชัดเจนมากในกลุ่มพันธมิตร เช่นเดียวกับกลุ่มคนรักอุดรที่ระดมทุนสร้างศูนย์ประสานงานที่เรียกว่าอาณาจักรคนเสื้อแดง ด้วยการทอดผ้าป่า 1,000 กอง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าร่วมสนันสนุนจำนวนมาก แสดงถึงการมีมวลชนที่หนาแน่น ทั้งนี้เพราะกลุ่มคนรักอุดรได้สร้างฐานมวลชนมาก่อนกลุ่มพันธมิตรนานแล้ว หากนับรวมระยะเวลาการเข้ามาทำงานด้านสื่อวิทยุของดีเจขวัญชัย ก่อนก้าวเข้ามาสู่แวดวงการเมือง

3.มีความเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การปะทะด้วยกำลังและอาวุธต่อไปในอนาคต เพราะต่างมองว่าเป็นคนละพวก ยึดถือความเห็นตนเองเท่านั้นว่าถูกต้อง ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยคิดอะไรที่ถูกเลย กล่าวหากันว่าไม่มีสมองถูกล้างสมองหรือถูกชักจูงมาด้วยเงินค่าจ้าง ซึ่งพบเห็นมากในกระดานการสนทนาทางเว็บไซต์ ดูเหมือนแต่ละฝ่ายไม่ได้มีอิสระที่จะคิดให้เข้าถึงความจริงในหลายแง่มุม ด้วยเหตุผลและโดยคำนึงถึงหลักการแห่งสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเท่าเทียม

ดังนั้นทุกกิจกรรมการชุมนุมที่เกิดขึ้นจึงต้องมีการ์ดหรือกองกำลังคอยคุ้มครองดูแล มีความพยายามที่จะสร้างกองกำลังให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะมีความคิดที่จะไม่ยอมให้คนเห็นต่างได้พูดได้แสดงออก คนคิดต่างต้องถูกกำจัดออกไปเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างกลัวถูกกำจัดจึงต้องสร้างกองกำลังขึ้นมาปกป้องตนเอง ซึ่งมองอย่างไรก็ไม่ใช่สังคมที่ก้าวหน้า เพราะยังคงแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังแบบยุคโบราณ แทนที่จะเปิดเวทีสาธารณะถกเถียงให้ได้ข้อยุติ อย่างไม่ต้องด่าว่าทุบตีให้บาดเจ็บล้มตาย ซึ่งแสดงถึงความถดถอยขาดวุฒิภาวะของสังคมที่ชัดเจนยิ่ง

4.ประชาธิปไตยเป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่สวยหรูในการเคลื่อนไหว เพราะยังคงมีการเคลื่อนไหวในแนวทางสร้างความรุนแรง ยุยงปลุกปั่นให้เกิดอารมณ์ร่วมมากกว่าใช้เหตุผลความจริงเข้าปะทะกัน สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องปะทะกันทางความคิดเท่านั้น ไม่มีหลักการหลักเกณฑ์ใดๆอนุญาตให้ปะทะกันด้วยกำลังและอาวุธ เพื่อบังคับให้ผู้อื่นต้องเห็นด้วยเท่านั้น ถ้าเห็นต่างคือขายชาติทรยศชาติ

สุดท้ายคงได้แต่หวังว่า สังคมไทยจะเปิดเวทีให้ผู้คิดต่างเห็นต่างได้หยัดยืนอย่างไม่ถูกประณามว่าโง่เขลาเบาปัญญาหรือเป็นทาสรับใช้ใคร เราควรนำเสนอข้อมูลเพื่อชี้ให้เห็นว่าเราคิดถูกอย่างไร พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้นำเสนอและรับฟังอย่างไม่หัวเราะเยาะ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างจริงจัง เพื่อที่เขาจะเห็นด้วยกับเรา หรือเราจะเป็นฝ่ายเห็นด้วยกับเขา หรือจะไม่เห็นด้วยกับใครเลย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่เป็นปัญหา ถ้าในท้ายที่สุดเรายอมยกให้เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินชี้ขาดเป็นมติของมหาชน ปัญหาก็จบ และก็ควรจบด้วยกระบวนการทางรัฐสภา ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์มาตรฐานของระบอบประชาธิปไตย ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว..พี่น้องเอ้ย
ณ วันนี้อำนาจทางรัฐสภาก็อยู่ในมือนายอภิสิทธิ์ เขาเท่านั้นคือผู้ที่จะตัดสินใจยุติความขัดแย้ง ไม่ใช่กองทัพ นี่คือการใช้อำนาจโดยประชาชนตัดสินปัญหาของประชาชน..เพื่อประชาชน เป็นการเมืองมิติใหม่โมเดลใหม่ที่ก้าวไกล พ้นความเป็นเหลือง-แดงอุดรขอนแก่นเชียงใหม่สงขลาหรือกทม. เป็นหนึ่งเดียวในความแตกต่างหลากหลายที่งดงาม ประเด็นการศึกษาเปรียบเทียบ
ระหว่างกลุ่มพันธมิตรอุดรธานี กับ ชมรมคนรักอุดรธานี

1.การสร้างองค์กร(ของกลุ่มพันธมิตรฯ อุดร)
-รวบรวมสมาชิกจากเครือข่ายกลุ่ม NGO เช่น สมัชชาประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มนารวม
-จัดตั้งเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานี ประกอบด้วยแกนนำ ผู้ประสานงาน มวลชน และการ์ด กระจายอยู่ในเขตเมืองเป็นส่วนใหญ่
-จัดทำเวบไซต์เชื่อมโยงส่งผ่านข้อมูลจากพันธมิตรส่วนกลาง เสริมจานดาวเทียม ASTV
-จัดตั้งสถานีวิทยุเพื่อประชาธิปไตย คลื่น FM 95.25 MHz เป็นสื่อกลางเชื่อมประสานระดับชาวบ้านในท้องถิ่น
-จัดตั้งร้านจำหน่ายสินค้าตราASTV สร้างแหล่งทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหว

1.การสร้างองค์กร(ของชมรมคนรักอุดร)
-รวบรวมสมาชิกจากกลุ่มแฟนคลับของดีเจขวัญชัย ไพรพนา ที่จัดรายการวิทยุมานานกว่า 20-30 ปี
-จัดตั้งเป็นชมรมคนรักอุดรธานี ประกอบด้วยที่ปรึกษา ประธานชมรม แกนนำ ผู้ประสานงาน มวลชนแฟนคลับ และการ์ด กระจายอยู่ทั่วไปทั้งในเขตเมืองและตำบล อำเภอต่างๆในจังหวัด
-จัดทำเวบไซต์เชื่อมโยงส่งผ่านแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสมาชิก
-จัดตั้งสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร FM 97.50 MHz เป็นสื่อกลางเชื่อมประสานระหว่างสมาชิกและขยายฐานมวลชน
-จัดตั้งจัดศูนย์ประสานงานที่เรียกว่า “เมืองหลวงเสื้อแดงอุดร” เป็นแหล่งระดมสรรพกำลังจากมวลชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนกลาง และภูมิภาคอื่นๆ
-จัดตั้งโรงเรียนคนเสื้อแดง(แกนนำนปช.) ผลิตกำลังคนให้มีความพร้อมด้านความรู้แนวคิดและอุดมการณ์ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว

2.แนวทางการเคลื่อนไหว (พันธมิตรฯ อุดร)
-ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งวิทยุและเวบไซต์
-จัดประชุม สัมมนา เผยแพร่แนวคิดแนวทางของกลุ่มตามสถาบันการศึกษา เช่น สถานบันราชภัฏอุดรธานี
-จัดการชุมนุมปราศรัยในที่สาธารณะ เดินขบวนรณรงค์ ในย่านชุมชนเขตเทศบาล เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความตระหนักในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยกระจายข่าวผ่านสื่อ
-ประสานความร่วมมือกับกลุ่มNGO เพื่อรวบรวมมวลชนร่วมเคลื่อนไหว

2.แนวทางการเคลื่อนไหว (ชมรมคนรักอุดรฯ)
-ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งวิทยุและเวบไซต์ โดยเฉพาะวิทยุเป็นสื่อที่มีพลังสูงสุด
-จัดการเรียนรู้แนวคิดแนวทางของกลุ่มโดยโรงเรียนคนเสื้อแดง(นปช.อุดรธานี)
-จัดการชุมนุมปราศรัยในที่สาธารณะ เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความตระหนักในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
-เดินขบวนขับไล่กดดันให้กลุ่มพันธมิตรยุติการชุมนุมในที่สาธารณะ
-ประสานความร่วมมือกับแกนนำนปช.ส่วนกลางนำมวลชนเข้าร่วมเคลื่อนไหวทั้งในและนอกพื้นที่อุดร

3.ปัจจัยการดำรงอยู่ (พันธมิตรฯอุดร)
-การสนับสนุนของกลุ่มNGO ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และส่วนกลาง
-การสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรส่วนกลาง
-การสนับสนุนของมวลชนผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจ
-การมีสื่อสารมวลชนของตนเอง
-การสร้างแหล่งทุนจากร้านค้าASTVShop

3.ปัจจัยการดำรงอยู่ (ชมรมคนรักอุดร)
-การสนับสนุนของกลุ่มสมาชิกแฟนคลับชมรมคนรักอุดร
-การมีสื่อสารมวลชนของตนเอง บริหารงานในรูปบริษัท
-การสนับสนุนของมวลชนคนรากหญ้าทั่วไปผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
-การสร้างเครือข่ายเพื่อระดมทุนโดยการบริจาค ผ่านศูนย์ประสานงานชมรมคนรักอุดรแห่งใหม่
-การสนับสนุนของกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น


ประวัติแกนนำชมรมคนรักอุดรธานีนายขวัญชัย ไพรพนา(สาราคำ)
เป็นชาวอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี
มีอาชีพเป็นนักจัดรายการวิทยุ จัดประกวดนักร้องเพลงลูกทุ่ง จัดคอนเสิร์ต คลุกคลีอยู่ในวงการสื่อวิทยุและเพลงลูกทุ่งมากว่า 20-30 ปี

ก่อตั้งชมรมคนรักอุดร บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ก่อนเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองในกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อดีตข้าราชการทางการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช
เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรธานี ที่มีบทบาทสูงและพลังมวลชนหนาแน่น


********************************


ประวัติแกนนำกลุ่มพันธมิตรอุดรธานีนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์
ศิษย์เก่าเตรียมอุดม รุ่นที่ 33
มีอาชีพเป็นนักธุรกิจค้าขายทอง เจ้าของห้างทองศรีอุดร
เป็นนักกิจกรรมภาคประชาสังคม เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มสมัชชาประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มสมัชชาประชาชนอุดรธานี กลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตย กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มนารวม กลุ่มเยาวชนฮักถิ่น เรียกว่ามีบทบาทและเครือข่ายอยู่ในกลุ่ม NGO ทั้งหลาย ก่อนเข้าสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ของสนธิ ลิ้มทองกุล
เป็นแกนนำกลุ่มกลุ่มพันธมิตรอุดรธานี ที่มีบทบาทสูง

********************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น