วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

40 ส.ว.จี้รัฐบาลประณามกันพูชา


"ฮุนเซ็น" โชว์เหนือ! ตั้ง "นช.แม้ว" เป็นที่ปรึกษากัมพูชา

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ทางสถานีโทรทัศน์ของทางการกัมพูชา ได้รายงานข่าวแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาที่ว่า กษัตรริย์นโรดม สีหมุนี ได้ทรงมีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น พระบรมราชโองการฉบับนี้ลงนามวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
ข่าวโดย Nation Channel

40 ส.ว. จี้รัฐบาลประณามกัมพูชาหมิ่นศักดิ์ศรีระบบยุติธรรมไทย ตั้งแม้วเป็นที่ปรึกษา
จากกรณีดังกล่าว หากรัฐบาลบ้าจี้ทำตามความประสงค์ของกลุ่ม 40 ส.ว. จะถือเป็นการก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสามารถแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษาก็ย่อมได้แล้วแต่จะเห็นสมควร โดยเฉพาะ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เหตุเพราะกัมพูชาเล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของท่านจึงดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่สามารถทำได้อย่างถูกต้องและชอบธรรม

คงมีหลายคนสงสัยว่า 40 ส.ว. ใช้อำนาจอะไร ในการออกมาจี้รัฐบาลให้ประณามกัมพูชา เขาเป็นเมืองขึ้นของไทยกระนั้นหรือ? หรือว่า 40 ส.ว.ออกมาโต้ตอบเพื่อหวังเป็นข่าวโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา? หรือเพราะอำนาจที่อยู่ในมือท่านได้มาจากเผด็จการ จึงลืมคิดไปว่า "ประเทศกัมพูชาเป็นประชาธิปไตย" การจะก้าวล่วงการบริหารจัดการเรื่องส่วนตัวของคนอื่นหรือประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง

คติโบราญที่ว่า "คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหว้" นั้นเป็นความจริง แต่คนดีในสายตาของแต่ละคนนั้นอาจมองแตกต่างกันไป อย่าง กรณี "ทักษิณ ชินวัตร" ประเทศกัมพูชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ขณะที่ไทยประเทศซึ่งเป็นแผ่นดินเกิด กลับมอบตำแหน่ง น.ช.ให้ในกรณีที่ดินรัชดา มีโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

หลายประเทศเห็นว่ากรณีนี้เป็น "คดีทางการเมือง" ยังมีกลุ่มคนไทยโดยเฉพาะคนรากหญ้างก็เห็นเช่นนั้นและกำลังต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมให้กับท่าน จากกรณีคำตัดสินดังกล่าว แทบทุกประเทศในโลกกฏหมายลักษณะนี้ไม่ถือเป็นความผิด ประกอบกับความรู้ความสามารถของ "ทักษิณ" ทำให้กัมพูชาเล็งเห็นถึงประโยชน์ข้อนี้ จึงยกตำแหน่งสำคัญให้

และนับจากนี้ไป อาจมีอีกหลายประเทศเลียนแบบ เหตุเพราะทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถหายาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำให้ประเทศไทยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด และยังทำให้คนไทยลืมตาอ้าปากได้ โดยรู้จักกันดีในนาม นโยบาย"ทักษิโณมิก" จึงยากที่จะมีประเทศใดในโลกมองข้ามความจริงข้อนี้

"ทักษิโณมิก" กำลังจะกลับมาบูมอีกครั้งในต่างประเทศ คงมีคนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกเสียดาย หากแต่บางกลุ่มอาจรู้สึกเสียหน้าและอับอาย ที่พยายามหาทางกำจัดและจำกัดวิธีแล้ววิธีเล่า แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำยังเป็นแรงกระตุ้นและผลักดันให้ "ทักษิโณมิก" มีชื่อเสียงเลื่องลืมไปไกลในต่างแดนอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น