วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สาทิตย์" ขู่ฟันวิทยุชุมชนปลุกระดม




ยันข่าวลอบทำร้ายถึงขั้นเอาชีวิต 'มาร์ค' ไม่หวั่นย้ำลงพื้นที่เชียงใหม่แน่ ระบุยังไม่ถึงขั้นประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน

เมื่อ เวลา 14.00 น. วันนี้(20 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าวิทยุชุมชนเชียงใหม่ ปลุกระดมประชาชนให้ออกมา ต่อต้านและทำร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ว่า การดำเนินการกับ วิทยุชุมชนนั้น ได้ทำไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังมีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเปิดขึ้น มาใหม่อีก และเมื่อทางอนุกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้เปิดลง ทะเบียน หากพบใครกระทำการที่ผิดกฎหมาย และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็คงไม่สามารถออก ใบอนุญาตวิทยุชุมชนได้ ส่วนวิทยุชุมชนที่ จ.เชียงใหม่นั้น ตนได้ประสานกับตำรวจ ในพื้นที่ตลอดเวลา เพื่อให้ติดตามความเคลื่อนไหวและบันทึกเทปเอาไว้ ดังนั้นหาก ปรากฏหลักฐานชัดว่ามีการปลุกระดม เพื่อให้ทำร้ายใคร ถือว่ามีเจตนาทำความผิด ซึ่งจะมีความผิดทั้งทางอาญาและระเบียบวิทยุชุมชน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าวิทยุชุมชน ที่ทำผิดนั้นเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่มีประมาณ 20 สถานี

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายกรัฐมนตรีว่าขณะนี้มีวิทยุชุมชนที่อาศัย ช่องว่างของกฎหมาย ไปบิดเบือนข้อมูล ปลุกระดม คล้ายเหตุการณ์ช่วงก่อนเดือน เม.ย. 2552 ดังนั้นการดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านี้จะเข้มงวดขึ้น จะกล่าวหาว่า รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงไม่ได้อีก เพราะมีหลักฐานชัดเจน ก่อนหน้านี้วิทยุชุมชน เชียงใหม่เคยมีคดีที่ถูกดำเนินการฟ้องร้อง แต่เมื่อปรากฏข่าวขึ้นมาอีก คิดว่า โทษคงจะหนักกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลเข้มงวดจะยิ่งทำให้มีการปลุกระดมจนสถานการณ์ รุนแรงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เขาคงตั้งใจทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่รัฐบาลคงปล่อยให้ดำเนินการไม่ได้ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่แน่นอน หากใครดำเนินการอะไรที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องจัดการแน่นอน เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องประกาศพื้นที่ฉุกเฉินหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะการประกาศพื้นที่ฉุกเฉินต้องเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน.
ข่าวจาก http://www.dailynews.co.th/content/images/0911/20/Online/satid.jpg

บทวิเคราะห์

จากกรณีที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องวิทยุชุมชนอาศัยช่องว่างของกฏหมายปลุกระดมมวลชนและบิดเบือนข้อมูล ซ้ำยังขู่ว่านับแต่นี้หากใครดำเนินการอะไรที่ผิดกฏหมายก็จะจัดการแน่นอน ประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ คำให้สัมภาษณ์ว่า การจะประกาศพื้นที่ฉุกเฉินต้องให้เกิดเหตุขึ้นก่อน

การลงพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ของนายอภิสิทธิ์ มองได้หลายแง่ หากจะมองในแง่ดีสามารถมองได้ว่าเป็นการดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชนในฐานะผู้นำประเทศซึ่งถือเป็นการสมควรอย่างยิ่ง แต่หากจะมองในอีกแง่มุมหนึ่ง เชียงใหม่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะเหตุใดนายอภิสิทธิ์จึงไปในพื้นที่ที่รู้ว่ามีแรงกระเพื่อมทางการเมืองสูงหรือว่านายอภิสิทธิ์และคนของรัฐบาลต้องการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อมวลชนคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหาเหตุควบคุมตัวแกนนำหรือไม่ก็ปิดวิทยุชุมชนหากคนเหล่านั้นนำมวลชนออกมา และพูดจาในทำนองที่รัฐบาลสามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าก่อให้เกิดเหตุรุนแรง

อย่าลืมว่านายอภิสิทธิ์และคนของรัฐบาลเป็นถึงผู้บริหารประเทศ การเดินทางไปไหนมาไหนย่อมมีการคุ้มกันความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ถึงแม้กลุ่มคนเสื้อแดงจะออกมาขับไล่ท่านผู้นำนับร้อยนับพันคน แต่ก็เป็นเพียงบริเวณรอบนอก ไม่สามารถเข้าถึงตัวบรรดาท่านผู้นำได้ "หากแต่ผลของการกระทำนั้นต่างหากที่รัฐบาลต้องการ นั่นคือนำไปสู่การจับกุมตัวแกนนำและจัดการสื่อของคนเสื้อแดงในพื้นที่ หากบรรดาแกนนำรู้ไม่เท่าทัน อาจจะต้องสูญทั้งสื่อที่อยู่ในมือและผู้นำมวลชนก่อนที่จะถึงเวลาชุมนุมใหญ่"

คงมีคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ฝากช่วยเตือนแกนนำในต่างจังหวัดให้ระมัดระวังการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะการพูดจาทำนองยั่วยุปลุกระดมมวลชนผ่านวิทยุชุมชน "คำว่าชักชวนกันออกมาปกป้องประเทศชาติและประชาธิปไตยกับคำว่าขู่ฆ่า ขู่ทำร้าย" ความหมายแตกต่าง ภาษาที่ใช้ก็หนักเบาต่างกัน จงเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเวลาและโอกาส อดทน อดกลั้น เก็บอารมณ์ไว้ระเบิดในงานใหญ่จะไม่ดีกว่าหรือ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น