วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นครปัตตานี "จิ๋วอ่อม"



'นครปัตตานี'อ่วมสับ'บิ๊กจิ๋ว'สร้างภาพ-ไร้สาระ 'มาร์ค'เหน็บแค่เกมเทือกหยามของเก่า'อารีเพ็ญ'ตอกกลับ ให้ถาม'ทักษิณ'ก่อน ภท.ถล่มรับจ๊อบป่วน

รัฐบาลรุมฉะไอเดีย “นครปัตตานี” อ่วม “มาร์ค” เชื่อแค่เกมการเมืองหาเสียง หวั่นทำประชาชนสับสน-เติมเชื้อไฟใต้ “เทพเทือก” ซัดจิ๋วไร้สาระ เย้ยขุดของเก่าทำแล้วเหลวมาขาย ลั่นไม่นิรโทษฯโจรใต้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ “ปชป.” ซัดให้ข้อมูลบิดเบือนทำชาวบ้าน

สับสน ขณะที่ “กลุ่มวาดะห์” เสียงแตก “อารีเพ็ญ” ค้านนครปัตตานี ไล่จิ๋วคุยเจ้าของ พท.ตัวจริงก่อน ด้าน “มุข” อีกทางเชื่อไม่
ปัญญาอ่อนทำผิดกฎหมาย จี้รัฐบาลฟังก่อนค้าน “ภท.”สงสัยรับแผนโจรใต้ป่วนเมือง ส่วน “เพื่อไทย” เรียงหน้าโต้ยันนครปัตตานีสร้าง ความสมานฉันท์ จวกรัฐบาลบิดเบือน-ป้ายสี ตอกกลับคงเสียหน้าถูกลูบจมูก โวพ่อใหญ่จิ๋วลงใต้เสียงตอบรับดี

“มาร์ค” ค้านตั้งนครปัตตานี
หลังจากการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้
เสนอแนวทางตั้งนครรัฐปัตตานี และออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่นั้น ต่อมาวัน ที่ 4 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เกรงจะเกิดความสับสน จริงแล้วแนวคิดที่รัฐบาลทำอยู่สนับสนุนเรื่อง
การกระจายอำนาจ และสนับสนุนเรื่องการพัฒนาที่สอดคล้องกับชีวิตของคนในพื้นที่ เมื่อไปพูดในเชิงโครงสร้างขึ้นมาจะเกิดข้อถกเถียง และนำไปสู่ความขัดแย้ง

ฉะนั้นอยากให้ระมัดระวังถ้าเป้าหมายคือต้องการจะหากลไกตอบสนองประชาชนในพื้นที่ได้ดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ แต่ไม่ทำในลักษณะซึ่งอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ ซึ่งต้องไปถามท่านว่ารับแนวคิดดังกล่าวมาจากไหนทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าอาจเป็นวิธีหาเสียงกับคนบางกลุ่มในพื้นที่ แต่รัฐบาลอยากจะยึดประโยชน์ของส่วนรวม ประโยชน์ของคนในพื้นที่ด้วย และประโยชน์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เราต้องยอมรับว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นนี้มี และพยายามหาทางยกระดับ ซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว

ฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้รัฐบาลจึงมีแนวทางที่จะต่อสู้ด้วยเรื่องการพัฒนา การอำนวยความยุติธรรมและเรื่องโครงสร้างที่กำลังมีการปรับปรุงตามกฎหมายใหม่ ที่กำลังจะเสนอเข้าสภาในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ สำหรับทางมาเลเซียพูด ชัดเจน และถือว่าปัญหานี้เป็นเรื่องภายในของเรา เขาพร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเราให้แก้ไขปัญหาได้ตามที่เราร้องขอ ฉะนั้นนโยบายเขาชัดอยู่แล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และให้การสนับสนุนทิศทางนโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ส่วนแนวคิดเขตปกครองพิเศษพูดกันมานานแล้วพิเศษอย่างไร นี่คือความสับสน ตนเห็นว่าคนที่พูดเขตปกครองพิเศษ 2 คนหมายความกันคนละอย่าง รัฐบาลขณะนี้กำลังทำระบบกลไกการบริหารราชกการจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาเป็นกฎหมายใหม่ นั่นเป็นการยอมรับอยู่แล้วว่าพื้นที่ตรงนี้จะมีกลไกพิเศษในการบริหารราชการ แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นการที่รัฐบาลพูดถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่ง มีมาตรการที่กำลังดำเนินการอยู่ก็เป็นการยอมรับอีกเช่นเดียวกันว่าเรากำลังตอบสนองพื้นที่นี้ที่มีความต้องการพิเศษขึ้นมา อันนี้คือหัวใจ

“เทือก” ลั่นไม่นิรโทษฯ โจรใต้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เสนอให้มีการฟื้นโครงการ
ฮารับบันบารูนั้น เป็นเรื่องเก่าที่เคยเสนอมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ ส่วนข้อเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ก่อความไม่สงบนั้นคง
ทำได้ยาก เป็นไปไม่ได้ การนิรโทษกรณีเช่นนี้ทุกคนที่เคยฆ่าประชาชน ฆ่าเจ้าหน้าที่ แล้วไม่ถูกลงโทษ เป็นคนละหลักการกับการให้
อภัย คนผิดต้องว่าไปตามผิด และไม่เชื่อว่าจะเป็นแนวคิดที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ได้ในวันนี้ เพราะผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนภาคใต้มี
หลายกลุ่ม มีหลายฝ่าย และไม่คิดว่าจะมีอุดมการณ์มีแนวทางที่ไปในทิศทางเดียวกัน ประชาชนไม่ได้เชื่อถือ ความรู้สึกของประชาชนที่ เข้าร่วมหรือเป็นใจกับบรรดากลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งหลายอาจจะมาจากสาเหตุเดิม คือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาล

วันนี้เมื่อรัฐบาลปฏิบัติต่อเขาดี ตนเชื่อว่าประชาชนจะรู้สึกว่าเขาอยู่กับรัฐบาลไทยเขาก็มีความสุขดีแล้ว เขาเกิดในแผ่นดินนี้ อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เขามีความสุขเขาก็ไม่ไป ทีนี้ผู้ร้ายเหล่านั้นก็หันกลับมาทำร้ายประชาชนเพื่อสร้างภาวะของความหวาดกลัว ฆ่าผู้
บริสุทธิ์ คนที่เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บเป็นคนมุสลิม การทำแบบนี้ไม่ใช่การกระทำของคนที่มีอุดมการณ์ ตอนที่เป็นคอมมิวนิสต์เขาไม่ได้ทำอย่างนี้ เชื่อเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์กับรัฐบาลมาเลเซีย เนื่องจากที่ผ่านมามาเลเซียสนับสนุนการแก้ปัญหาของ
รัฐบาลชุดนี้ และในฐานะที่รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ ยืนยันรัฐบาลไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ และจะเร่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความ
ปลอดภัยของประชาชนมากกว่าการใช้กำลัง ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต มั่นใจว่าการลงไปในพื้นที่พบปะกับประชาชน และการแสนอแนวทาง
จะให้วันที่ 5 ธ.ค.เป็นวันสันติภาพ และมีการหยุดยิงนั้น พล.อ.ชวลิต ก็เคยคิดเคยแสดงอะไรมากกว่านี้ และล้มเหลวไปก็มาก ดู
สนุกๆ ไปก่อนก็แล้วกัน พูดมากไปเดี๋ยวท่านจะโกรธ

เมื่อท่านออกมาแสดงความเห็นและทำให้สังคมสับสน ตนก็ต้องมาชี้แจง สำหรับเรื่องการจะไปเจรจานั้นมีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มพล.อ.ชวลิต กลุ่มอดีตนายทหาร มีการดำเนินการไปหลายครั้ง แต่บางคนกลายเป็นตลกครั้งใหญ่ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศมาแล้ว ตนคิดว่าอย่าไปเป็นจริงเป็นจัง ตนไม่เชื่อว่าวิธีการจะไปเจรจาจะได้ และการลงพื้นที่ ของ พล.อ.ชวลิต ก็เห็นว่าไม่มีสาระ รวมทั้งข้อเสนอให้ตั้งทบวงด้านความมั่นคงของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ก็ถือเป็นเรื่องที่ไร้สาระสำหรับความรู้สึกของตนเองเช่นกัน

ส.ส.ใต้ ปชป.ถามหวังผลอะไร
นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจชายแดนใต้พรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า อยากรู้ว่าวัตถุประสงค์แท้จริงของ พล.อ.ชวลิต มุ่งหวังอะไรในการเสนอให้ตั้งรัฐปัตตานี และให้มีการนิรโทษกรรม
เพราะสมัยที่ พล.อ.ชวลิต เป็น รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เมื่อปี 2535 เกิดเหตุการณ์เผาโรงเรียนจำนวน
มาก ซึ่งอยากถาม พล.อ.ชวลิต ว่า การเสนอโครงการนี้เคยมีการสอบถามความเห็นประชาชนในพื้นที่แล้วหรือไม่ และคิดหรือว่า
ประชาชนในพื้นที่จะไม่จดจำผลงานของ พล.อ.ชวลิต ในสมัยที่คุมงานด้านความมั่นคง ทั้งนี้ เชื่อว่าชาวบ้านรู้จัก พล.อ.ชวลิต ดี
เพราะได้เคยสร้างบาดแผลกับคนในพื้นที่ไว้มาก ทั้งเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์หน้า สภ.อ.ตากใบ ชาวบ้านเขามองออก
ว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนอย่างไร และแนวคิดไม่มีรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมยิ่งจะเพิ่มความสับสน โดยมีความพยายามเบี่ยงเบน
เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นผลงานที่สืบเนื่องที่รัฐบาลนี้แก้ไขล้มเหลว ส่วนตัวเชื่อว่าขณะนี้ พล.อ. ชวลิต เหลือแต่ชื่อเสียงจากผลงานในอดีต และที่อ้างว่าจะทำงานนี้เป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็เชื่อว่าเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเพื่อหวังผล ประโยชน์ของกลุ่มบุคคลหนึ่งเท่านั้น เพราะปัญหานี้สั่งสมมานาน และต้องใช้เวลา ซึ่งตนในฐานะประธานคณะฯ ซึ่งได้มีการประชุม ส. ส. 3 จังหวัดชายแดนใต้ทุกเดือน จากนี้จะทำงานในเชิงรุกเพื่อรับฟังปัญหาและเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อจะช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้

ภท.อัดจิ๋วรับแผนโจรใต้
นายศุภชัย ใจสุมทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ที่ พล.อ.ชวลิต เสนอการจัดตั้งนครปัตตานีนั้น เป็นแนวคิดของผู้ที่จะก่อ
การร้ายในการแบ่งแยกดินแดน แต่ประชาชนนั้นไม่ต้องการที่จะให้มีการแยกประเทศแยกการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นไทย-พุทธหรือไทย-มุสลิม แต่ทางแก้ไขในตอนนี้คือทำความเข้าใจและยอมรับในอัตลักษณ์ของคนที่ทำนั่นคือสิ่งสำคัญ เพราะวันนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้รับ ความเป็นธรรมและเวลานี้รัฐบาลได้เดินมาถูกทาง ดังนั้นแนวทางที่ พล.อ.ชวลิต เสนอมานั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายกว่าเดิม และ
เหมือนกับว่ารับแผนมาจากโจรใต้

ทั้งนี้ในเรื่องการนิรโทษกรรมให้แก่โจรใต้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเลยเพราะความจริงวันนี้ประชาชนต้องการตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษและผู้บริสุทธิ์ก็ต้องได้รับความเป็นธรรม แนวทางนี้ไม่จำเป็นโดยเท่าที่ดูขณะนี้ พล.อ.ชวลิต ทำอะไรไปเลื่อยเปื่อย โดยไม่รู้ต้องทำอย่างไรไม่มีจุดมุ่งหมาย ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพล.อ.ชวลิต ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ วันนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเริ่มต้นมาตั้งแต่ในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งชี้แนวทางการปราบปรามแบบใช้กำลังในกรณี มัสยิดลือเซะ กับ ตากใบ ซึ่งเป็นเพียงโจรธรรมดาแต่กลับใช้วิธีการที่รุนแรงอย่างไม่เป็นธรรมและนั่นก็คือจุดเริ่มต้น

“อารีเพ็ญ” ไล่จิ๋วคุยเจ้าของ พท.
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า แนวคิดนครปัตตานีของ พล.อ.ชวลิต เคยเสนอมาตั้งแต่ ปี 2547 แต่ยังไม่มีความชัดเจนในโครงสร้างและแนวทางในการจัดตั้งคงมีเพียงชื่อเท่านั้น ส่วนแนวคิดนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นรัฐบาลหรือไม่นั้น คงต้องรอดูต่อไป แต่พรรคเพื่อไทยคงต้องประกาศเป็นนโยบายที่แน่ชัด ไม่ให้เหมือนกับการแก้รัฐธรรมนูญที่เคยประกาศว่าจะแก้ แต่พอมีคำสั่งจากต่างประเทศก็ไม่แก้ นอกจากนี้ยังไม่แน่ใจว่า พรรคเพื่อไทยจะเห็นด้วยกับแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต หรือไม่ ดังนั้น เมื่อ พล.อ.ชวลิต ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ควรจะทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคก่อน ว่าเห็นด้วยหรือไม่

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีเจ้าของจึงควรทำความเข้าใจกับเจ้าของพรรคด้วย เพราะเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้คิดเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้แบบนี้เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หารือแนวทางจัดตั้งเขตปกครองพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียนั้นไม่ทราบเรื่องนี้ นพ.แวมาหะดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นคนให้ข่าวนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ประเทศไทยจะยกระดับปัญหาภายในประเทศไปหารือกับผู้นำต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเรื่องการตั้งนครปัตตานีถ้าเราพูดแค่ชื่อคนอาจสับสน แต่ถ้าพูดถึงการจัดตั้งเขตปกครองลักษณะพิเศษ ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ตนก็เห็นด้วย ส่วนประเด็นการเสนอนิรโทษกรรม เห็นว่าประเทศต่างๆรวมถึงประเทศไทยก็เคยดำเนินการมาแล้ว แต่เมื่อนิรโทษกรรมแล้วปัญหาต่างๆจะยุติหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง เพราะบางคนที่ดำเนินการก็มีอุดมการณ์ รวมกับความเชื่อมาแต่โบราณซึ่งเชื่อว่า การนิรโทษกรรมจะมีผลในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่คงไม่ยุติในทันทีทันใด แต่สำหรับการก่อเหตุที่ชัดเจนเป็นคดีอาญาก็คิดว่าต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนในแง่ของอุดมการณ์เป็นเรื่องทางการเมืองก็น่าจะสามารถนิรโทษกรรม

“มุข” หนุนตั้งนครปัตตานี
นายมุข สุไลมาน โฆษกพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า แนวความคิดตั้งนครปัตตานีของพล.อ.ชวลิต เป็นแนวคิดหนึ่งเพื่อหาทางออก
ในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นรัฐบาลน่าจะรับฟังมากกว่าที่จะออกมาคัดค้านหรือโต้แย้ง เพราะแนวความคิดของพล.อ.ชวลิตนั้น เป็นการ
เปิดช่องให้กับรัฐบาลหากรัฐบาลใจกว้างถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา แต่หากรัฐบาลไม่กระตือรือร้นเท่ากับว่า
รัฐบาลขาดความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามตนเคยเสนอมาก่อนแล้วว่า หากรัฐบาลยังไม่ได้คิดวิธีการอื่นนอกจากสิ่งที่เคยทำมาก็ขอให้
ลองใช้วิธีการให้ปกครองตนเอง วันนี้พล.อ.ชวลิตก็ฉีกไปในอีกแนวทางหนึ่งที่น่ารับฟัง ดังนั้นรัฐบาลจึงควรจะประสานทำความเข้าใจ
กับพล.อ.ชวลิตว่า มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง รวมทั้งนำไปศึกษาหากตรงไหนที่เป็นประโยชน์ก็ควรนำไปใช้ หากรัฐบาลหวังดีและ
ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาจริงๆ ก็อย่าคิดว่าเป็นเกมการเมือง คิดว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล หรือเลยเถิดไปจนถึงขั้นที่มองว่าเป็นการแบ่ง
แยกดินแดน เป็นการขายชาติ หรือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะเชื่อว่าพล.อ.ชวลิตคงไม่ปัญญาอ่อนจนไม่รู้ว่าอะไรที่ผิดหรือถูกกฎหมาย

จี้รัฐบาลฟังแนวทางก่อนแย้ง
ด้านนายสุระ เตชะทัต ผู้ช่วยโฆษกพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า คนที่ออกมาตอบโต้พล.อ.ชวลิตนั้น ยังไม่รู้เลยว่าวิธี การ แนวทาง รายละเอียด วิธีปฏิบัติ และรูปร่างโครงสร้างเป็นอย่างไร เห็นว่าใบไม้ไหวก็นึกว่ามีใครมาจึงรีบส่งเสียงเสียก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องรัฐบาลต้องฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่ต้องคิดตามรัฐบาลเท่านั้นจึงจะถูกเสมอไป พล.อ.ชวลิตเพียงแต่เสนอแนวคิดแต่ท่านไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าใจว่าที่พล.อ.ชวลิตต้องออกมาเสนอแนวคิดแบบนี้ ก็เพราะการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลล้มเหลว ปัญหาภาคใต้นั้นที่ผ่านมาเราไม่ยอมพูดกันตรงไปตรงมา เบี่ยงเบนเป็นประเด็นการเมืองมาตลอด ฝากถึงนายกรัฐมนตรีและ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านความมั่นคงด้วยว่า ที่ผ่านมาให้ความสนใจกับปัญหาในภาคใต้น้อยมาก นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยลงไปดูแลปัญหาด้วยตัวเองหรือไม่ มีอะไรก็สั่งแต่นายสุเทพให้ลงไปดูแลแก้ไขปัญหา

พท. ยันนครปัตตานีสร้างสมานฉันท์
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน นายซูการ์โน
มะทา ส.ส.ยะลา นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน ได้แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโจมตีการลง
พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย โดยนายไพจิต กล่าวว่า การที่พล.อ.ชวลิตลงพื้นที่ จะส่งผลดีต่อประชาชนในพื้นที่และคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งฝ่ายค้านก็จะปฏิบัติภารกิจนี้ต่อไป และภารกิจต่างๆของพล.อ.ชวลิตเป็นที่ชื่นชมองกรรมการบริหารพรรค ไม่ว่าการเยือนประเทศกัมพูชา และจะเดินทางเยือนพม่า มาเลเซีย ลาว และเวียดนาม ซึ่งพล.อ.ชวลิต ระบุว่าภารกิจที่สำคัญที่จะต้องกำหนดแนวทางให้ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์กลับ ทำให้เกิดความสับสนและบิดเบือน กล่าวหาว่าเป็นแนวคิดที่จะแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามถ้าพรรคเพื่อไทยมีอำนาจในการบริหารประเทศ จะใช้ทฤษฎีดอกไม้หลากสีเข้าไปแก้ปัญหาและเคารพความแตกต่างของคนในพื้นที่ ซึ่งหากมีการเลือกตั้งพรรคจะใช้เป็น นโยบายในการหาเสียง ซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าเห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่ แต่ถ้ายังไม่มีการเลือกตั้งก็จะเป็นแนวทางในการ ทำงานในสภา

จวกรัฐบิดเบือนไอเดียจิ๋ว
ด้านนายประเกียรติ กล่าวว่า สิ่งที่ พล.อ.ชวลิต เสนอถือเป็นแนวทางที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้กับคนทั้งประเทศ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถทำให้เกิดความสงบได้ ถามว่าขณะนี้รัฐบาลทำอะไรอยู่ทั้งๆ ที่ประกาศว่าจะสร้างความ สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นภายใน 99 วันตามนโยบาย แล้วขณะนี้กี่วันจนชาวบ้านทนไม่ไหวแล้วต้องออกมาประกาศไม่ให้มีเสียงปืนใน 3อำเภอ ซึ่งเป็นรอยต่อ 3 จังหวัด ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรที่จะออกมาต่อต้านพล.อ.ชวลิต และแนวคิดในการสร้างนครปัตตานีก็เป็นสิ่งที่มี อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 78 (2) ซึ่งสามารถทำได้ แต่รัฐบาลกลับกล่าวหาว่าเป็นการแบ่งแยกดินแดน แบ่งแยกคน ทั้งนี้การ ที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปในจังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้เชิญทั้งพรรครัฐบาล และฝ่ายค้าน แต่ถูกกีดกันโดยสกัดกั้น
ไม่ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปยุ่งเกี่ยว ถือว่ารัฐบาลไม่จริงใจ ไม่สร้างสรรค์ แต่ยังขัดขวางการสร้างความสมานฉันท์อีก

เย้ยไอเดียจิ๋วทำรัฐบาลเสียหน้า
ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธุ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้ที่ออกมาต่อต้านแนวคิดให้ตั้งนครปัตตานีคงรู้สึกเสียหน้า เนื่องจากเป็นรัฐบาลแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างที่ออกมาประกาศไว้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยโดยคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ ของพรรค รวมทั้ง ส.ส.เห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะจุดประสงค์ของการเสนอแนวคิดดังกล่าวนั้น ไม่ได้ต้องการแบ่งแยกดินแดง
หรือไปรับงานจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล อย่างที่ฝ่ายรัฐบาลกล่าวหา ยืนยันว่าการตั้งนครปัตตานีนั้น เป็นเพียงการ
ยกระดับการปกครองให้ โดยยกฐานะจากเทศบาลเมือง เป็นเทศบาลนคร ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดนหรือแยกรัฐปกครองโดยอิสระ
และถึงแม้จะมีเสียงต่อต้านทางพรรคคงเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อเพราะถือว่าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์

โวจิ๋วลงใต้เสียงตอบรับดี
ส่วนนายพิเชษฐ สถิรชวาล ประธานคณะกรรมการภาคใต้ พรรคเพื่อไทย และเลขาธิการคณะกรรมการอิสลามกลาง กล่าว
ว่า การลงพื้นที่ภาคใต้เมื่อที่ 2 พ.ย. ของ พล.อ.ชวลิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่เข้าร่วมสัมมนาเป็นอย่างดี และเชื่อว่าแนว
ทางการเสนอตั้งนครปัตตานี จะแก้ไขความรุนแรงในพื้นที่ได้ และนครปัตตานีก็จะเป็นเขตปกครองรูปแบบหนึ่งของไทย อยู่ภายใต้รัฐ
ธรรมนูญ ไม่ได้คิดจะแยกตัวเป็นเอกราชเหมือนอย่างที่พูดกัน ทั้งนี้เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างแน่นอน และในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ พรรคก็จะชูตัว พล.อ.ชวลิต เป็น
จุดขาย ทั้งนี้นโยบายพรรคเพื่อไทยในภาคใต้จะมีการใช้นโยบายศาสนานำการเมือง

“เทือก” ยัน 6 พ.ย.โผ ตร.จบ
ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.นั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายก
รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า จะมีการพูดคุยกันในวาระการแต่งตั้งโยกย้าย และทุกตำแหน่งควรจะจบลงในการประชุมนัดนี้ อย่าง
ไรก็ตาม ยืนยันว่าจนถึงนาทีนี้ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้สะดุด ทุกคนต้องคิดถึงระบบๆ ต้องขับเคลื่อนไปได้ และเมื่อการประชุมเสร็จเรียบ
ร้อยแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องนำรายชื่อไปให้นายกรัฐมนตรีดู

“ปทีป” ลั่นยึดหลักอาวุโส-ความสามารถ
ด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าในวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะ กรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. เลื่อนมา
จากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยวาระการประชุมยังคงเป็นวาระการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บัญชาการ
เริ่มจากประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองในช่วงเช้าและประชุม ก.ตร. ในช่วงบ่าย ขณะที่แนวทางการแต่งตั้งยังคงยึดหลักอาวุโสและ
ความรู้ความสามารถ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อหรือไม่ คงต้องรอผลการประชุมอย่างเป็นทางการ จึงจะมีความชัดเจน
รวมถึงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยยืนยันไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายใดต่อการแต่งตั้งในครั้งนี้

อัยการตีกลับสำนวน “ราเกซ”
ส่วนความคืบหน้าคดี นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด(มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ บีบีซี นั้น ที่สำนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจฯ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ เป็นประธานประชุมคณะทำงานอัยการคดีฝ่ายเศรษฐกิจ 5 คน พิจารณาสำนวนการสอบปากคำนายราเกซ นาน 2 ชม.พบว่าสำนวนสอบที่ตำรวจส่งมาให้ยังไม่สมบูรณ์ 2 ประเด็น เกี่ยวกับการแปลเอกสารภาษาอังกฤษที่ประกอบในสำนวน และการแจ้งสิทธิ์ต่อสู้คดีให้ผู้ต้องหาทราบตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ยังไม่ครบถ้วน จึงให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบเพิ่ม เติมใน 2 ประเด็นดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน

“ราเกซ” เริ่มคุ้นชีวิตในเรือนจำ
ด้านนายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า มาตรการดูแลนายราเกซ จำเป็นต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย เพราะเป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญ และเรื่องสุขภาพ เพราะนายราเกซ ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดตีบ จึงต้องเตรียมแพทย์ไว้คอยดูแล ส่วนเรื่องอาหารนั้น เรือนจำไม่อนุญาตให้รับอาหารหรือของเยี่ยมจากภายนอก แต่ผู้ต้องขังสามารถรับประทานอาหารของ ทางเรือนจำที่ปรุงในแดนสูทกรรม หรือซื้ออาหารจากร้านค้าสงเคราะห์ภายในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายราเกซ สั่งซื้ออาหารจากร้านค้าสงเคราะห์ภายในเรือนจำเป็นหลัก เพราะยังไม่คุ้นกับรสชาติอาหารที่ทางเรือนจำจัดให้
ข่าวจากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง/ryt9.con

บทวิเคราะห์

คติโบราณที่ว่า "คำพูดเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ยังใช้ได้ทุกยุกต์ทุกสมัย และไม่ว่าคนๆ นั้นจะยากดีมีจนหรือมีชื่อเสียงเกียรติยศทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงไหนก็ตาม ยกตัวอย่างกรณี "บิ๋กจิ๋ว" ซึ่งถือว่าเป็นผู้อาวุโสในบ้านเมืองและมีประสบการณ์ทางการเมืองมากคนหนึ่ง ท่านได้เสนอความคิดเห็นเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ สื่อ และนักวิชาการบางท่าน

แต่หากจะมองให้ลึก จะเห็นว่าใครก็ตามที่เข้าไปอยู่ในวงจรของ "อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร" ต่อให้ความคิดบรรเจิดเลิศเลอแค่ไหนก็จะถูกออกมาต่อต้านชนิดหัวชนฝากจากรัฐบาลและสื่อสารมวลชนรวมทั้งนักวิชาการบางกลุ่มแทบทุกกรณี เพราะเหตุนี้อาจทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยมองว่า พากค้านแทบทุกกรณี แต่ไม่เสนอแนวทางแก้ไข เป็นพวก "มือไม่พาย แต่ชอบเอาเท้าราน้ำ"

และจากกรณีนี้เอง จึงเป็นการยากที่ประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้ เพราะการไม่ยอมฟังความคิดเห็นผู้อื่น ขอแค่ออกมาคัดค้านให้อีกฝ่ายเสียชื่อเสียหน้าเป็นพอ การจัดการบ้านเมืองไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียวจะสามารถทำได้ แต่ต้องประกอบด้วย "ความร่วมมือ ร่วมใจและความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" จึงจะพาชาติอยู่รอดปลอดภัยและพัฒนาไปอย่างยั่งยืน

แต่หากมีผู้เสนอความคิดเห็นด้วยเจตนาบริสุทธิ์อยากหาทางสร้างความสมานฉันท์ให้คนในชาติ แต่มีผู้ไม่เห็นด้วยออกมาคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย แทนที่จะเสนอแนวทางแก้ไขหรือร่วมด้วยช่วยกันหาทางออก กลับพูดจาเยาะเย้ยถากถาง เห็นปัญหาของประชาชนเป็นเกมการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามด้วยทรัพยากรที่ตนมีอยู่ แล้วแบบนี้ "จะแก้ปัญหาชาติได้อย่างไร"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น