วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

3 เหตุผลชุมนุมเหลว กับ 4 คำถามที่เสื้อแดงต้องตอบ

นำข่าวมาฝาก อยากให้ท่านผู้รู้และผู้มีอำนาจ ลองนำมาประมวลความคิดเห็นหลายๆ ฝ่าย
สิ่งที่ผู้วิเคราะห์อาจไม่ถูกต้อง มองคนเสื้อแดงด้วยสายตาของคนหัวเก่า แต่ควรจะรู้เอาไว้

เสียงข่มขู่ "ปิดเกม" อย่างแข็งกร้าวแทบไม่เว้นแต่ละวัน จากแกนนำคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงผสานกับคำทำนายของโหรสำนักต่างๆ ว่า ปีนี้จะมีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นนองเลือด ช่างสอดรับกับสถานการณ์บ้านเมืองที่อึมครึม เผชิญหน้ากันแบบใกล้ปะทะมาหลายปี...

ทั้งหมดทำให้สังคมไทยหวาดผวาว่าปีนี้ จะกลายเป็นปี "เสือดุ" ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศอาจตกเป็นเหยื่อถูกขย้ำ!

แต่ในสายตาของ "นักการข่าว" ระดับหัวกะทิอย่าง พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ซึ่งยังมอนิเตอร์สถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด กลับประเมินสวนทางกับบรรดาโหราจารย์ทั้งมวล

เริ่มตั้งแต่การนัดชุมนุมบุกเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา วันที่ 11 มกราคมนี้ เพื่อประจานความสองมาตรฐานของประเทศไทย จากปัญหาการครอบครองที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างบนเขาลูกงามของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี พล.ท.นันทเดช ก็มองว่า เป็นเพียงการชุมนุมคั่นเวลาเท่านั้น

"แนวคิดการบุกเขายายเที่ยงมาจากการจัดงานปีใหม่ของกลุ่มคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดง ที่ จ.เชียงใหม่ แล้วมีคนมาร่วมงานน้อยอย่างผิดคาด ประกอบกับที่ผ่านมา มีความขัดแย้งทางความคิดของกลุ่มแกนนำทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทำให้แผนบุกเขายายเที่ยงถูกกำหนดขึ้น เพื่อชะลอการชุมนุมในกรุงเทพฯ ออกไปก่อน"

ด้วยเหตุนี้ พล.ท.นันทเดช จึงกล้าฟันธงว่า ปฏิบัติการบุกเขายายเที่ยงจะ "ไม่มีอะไรในกอไผ่"

"การบุกเขายายเที่ยงจะไม่มีเหตุรุนแรงอะไร เพราะเงื่อนไขหมดไปแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ มีเจตนาจะคืนที่ดินผืนนี้ โดยพูดกับคนใกล้ชิดตั้งแต่เมื่อตอนเข้าอวยพรปีใหม่ เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนที่เสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงจะประกาศเสียอีก เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ อยากรอให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเพื่อความชัดเจน ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องสองมาตรฐาน จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดี เข้าใจว่าเป็นการบุกรุกใหม่ และครอบครองที่ดินเกิน 14 ไร่"

อดีตนายทหารผู้เชี่ยวชาญงานข่าวกรอง ยังเสนอว่าเมื่อถึงวันชุมนุม รัฐบาลก็ปล่อยให้เสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงชุมนุมไป เพียงแต่ป้องกันไม่ให้เข้าไปทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้าน และดูแลให้ชาวบ้านไม่ให้ปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดง เท่านี้ก็จะจบ

"สถิติการชุมนุมทุกครั้งอยู่ในระดับหมื่นกว่าคน ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะเกิน 3 หมื่นคน ถ้าจำนวนผู้ชุมนุมระดับนี้ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้หรอก สิ่งสำคัญ คือ รัฐบาลเริ่มทำงานประสานกันได้ดีขึ้นกับตำรวจ ทหาร เห็นได้จากความสำเร็จในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีการจัดวางกำลังเป็นเครือข่ายเอาไว้อย่างสลับซับซ้อน จนแทบไม่มีช่องว่างให้ก่อวินาศกรรมได้เลย"

ส่วนคำทำนายของโหรชื่อดังว่าประเทศจะเกิดความรุนแรงนั้น พล.ท.นันทเดช ฟันธงทันทีว่า เป็นไปไม่ได้

"คำทำนายของโหรก็นำมาจากคำประกาศของกลุ่มเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดง จากนั้นเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงก็เอาคำพูดของโหรมาขยายผลปลุกระดมอีกที ทั้งๆ ที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีคนมาชุมนุมเรือนแสนหรือเรือนล้าน เวลานี้ระดมได้ 3-4 หมื่นคนก็เก่งแล้ว"

เมื่อเรียกคนมาชุมนุมไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องใช้วิธีการเกณฑ์ แต่นั่นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนตามมาอีก

"ตอนนี้มีข่าวว่าใช้รถจังหวัดละ 10 คันขนคนมาชุมนุม แต่คนที่มาจากการเกณฑ์มักไม่มีจิตใจต่อสู้รุกรบ หรือชุมนุมยืดเยื้อได้เกิน 7 วัน อย่างดีก็แค่ 2 วันที่มีความหนาแน่น จากนั้นก็จะค่อยๆ หายไป"

แต่สิ่งที่น่าหวั่นใจ ก็คือ เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าชุมนุมโดยสงบกดดันไม่ได้ ก็อาจจะมีความพยายามหยิบความรุนแรงมาใช้

"เหตุการณ์คล้ายๆ กับช่วงสงกรานต์เมื่อปีที่แล้วอาจจะย้อนกลับมา ซึ่งผู้ชุมนุมที่เป็นคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ แต่คุณทักษิณมีไพ่ในมือหลายใบ เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะใช้ไพ่ใบไหน"

"เครือข่ายการเคลื่อนไหวของคุณทักษิณมีทั้งกลุ่มทหาร มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ ซึ่งทั้งหมดมีการจัดตั้งเอาไว้แล้วทั้งสิ้น เวลาจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาล กลุ่มที่มีการจัดตั้งพวกนี้ก็ต้องเคลื่อนไหวอะไรสักอย่าง คงไม่อยู่เฉย ประกอบกับขบวนการเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงแยกกันเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีเจ้านายของตัวเอง แต่คุณทักษิณมีสายสัมพันธ์กับทุกกลุ่ม"

"จะเห็นว่าคุณจักรภพ (นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) กับกลุ่มคุณวีระ (นายวีระ มุสิกพงศ์ กลุ่มสามเกลอ) ขัดแย้งกันถึงขนาดโต้กันผ่านสื่อสีแดงเอง แต่คุณจักรภพก็ไปปรากฏตัวข้างคุณทักษิณได้ แสดงว่าคุณทักษิณเก็บทุกคนไว้ เพื่อเลือกใช้ในแต่ละสถานการณ์" พล.ท.นันทเดชระบุ

อย่างไรก็ดี จังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเคลื่อนไหว คือ ช่วงที่ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

"แนวโน้มการชุมนุมน่าจะพร้อมๆ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้สอดรับกัน แล้วพยายามทำให้มีสถานการณ์อื่นๆ เสริม อาทิเช่น กลุ่มเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงอาจจะมาล้อมสภา เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้น"

แต่ถึงที่สุดแล้ว พล.ท.นันทเดช บอกว่า หากรัฐบาลไม่พลาดเรื่องการใช้ความรุนแรง ก็น่าจะประคองสถานการณ์ผ่านไปได้ เพราะสูตรการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ของกลุ่มคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงน่าจะไม่ได้ผลด้วยเหตุผล 3 ประการ กล่าวคือ 1. จำนวนผู้ชุมนุมไม่ถึงเป้าที่จะสร้างแรงกดดันกับรัฐบาลได้ 2. กระแสสังคมเริ่มปฏิเสธเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดง และ 3. ข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นข้อมูลเก่า และมีโอกาสสูงที่จะถูกพรรคประชาธิปัตย์ย้อนศร

เหตุผลที่นำมาสู่บทสรุปนี้ คือ คำถามที่คนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงตอบไม่ได้ 3-4 ข้อ คือ 1. ทำไมจึงไปสนับสนุนกัมพูชา ทั้งๆ ที่กัมพูชากระทำไม่ดีต่อไทยหลายๆ เรื่อง 2. การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงไม่มีความชัดเจนเรื่องสถาบัน 3. เวทีเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงมีลักษณะฝ่าฝืนประเพณีไทย โดยเฉพาะเรื่องการเคารพผู้ใหญ่ ซึ่งมีการแสดงออกที่ก้าวร้าวมาก และ 4. บนเวทีเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ทำให้มีแต่ความสับสน

ทั้งหมดนี้ พล.ท.นันทเดช ชี้ว่า ทำให้ประชาชนที่สมัครใจเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงเริ่มถอยห่างออกไป และไม่น่าจะมีพลังถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ในที่สุด

ส่วนเงินก้อนโต 7.6 หมื่นล้านบาทของครอบครัวชินวัตรที่ถูกอายัดไว้ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำพิพากษาในเวลาไม่นานนี้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าคำพิพากษาจะเป็นตัวบ่งชี้สถานการณ์ในอนาคตนั้น แต่ พล.ท.นันทเดช มองต่างออกไป

"จริงๆ เงินก้อนนี้ถูกยึดมานานพอสมควรแล้ว แต่คุณทักษิณก็ยังเคลื่อนไหวได้ตลอด แสดงว่าการยึดหรือไม่ยึดเงินก้อนนี้แทบไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหว ทั้งที่ผ่านมาและในอนาคต แต่อาจมีผลเพียงว่าคุณทักษิณต้องพิจารณาใช้เงินที่เหลืออยู่อย่างรอบคอบมากขึ้นเท่านั้น"

ทั้งหมดที่วิเคราะห์มา ทำให้ พล.ท.นันทเดช สรุปว่า หากยังเคลื่อนไหวในแนวทางนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีทางชนะ และนั่นก็เป็นเพราะอดีตนายกฯ รับข้อมูลไม่สมบูรณ์

"คุณทักษิณเป็นคนฉลาด ถ้าได้ข้อมูลจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง แต่ตอนนี้คุณทักษิณอยู่ห่างไกลเหตุการณ์มาก และยังถูกคนใกล้ชิดเป่าหู ทำให้เลือกใช้วิธีการที่ผิด ถ้าคุณทักษิณรู้สถานการณ์จริง จะทราบทันทีว่าหนทางการต่อสู้ในสภาอย่างเดียว จะทำให้คุณทักษิณได้รับชัยชนะ และพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเจอศึกหนัก ภาพของคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงที่เคยสร้างความเสียหายให้กับพรรคเพื่อไทยก็จะหมดไป และพรรคเพื่อไทยก็จะได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น"

"ตลอดมาคุณทักษิณได้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ คุณทักษิณไม่โง่ถึงขนาดเคลื่อนไหวซี้ซั้วแบบนี้ จริงๆ หลายคนในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ก็มองออก แต่อาจจะไม่สามารถฝ่ากระแสเข้าไปเตือนคุณทักษิณได้ ฉะนั้นในความเห็นของผม ถ้าพรรคเพื่อไทยเดินทางสภาอย่างเดียว จะเป็นพรรคที่เข้มแข็ง และมีโอกาสสูงที่จะได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยเสียโอกาสที่ไม่เล่นทางสภา และความเคลื่อนไหวของเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดง ก็ทำให้รัฐบาลมั่นคงขึ้นทางอ้อม"

พล.ท.นันทเดช ยังเชื่อว่า หากการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญทั้งในและนอกสภาของคนเสื้อแดง' class='anchor-link' target='_blank'>เสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ไม่สำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเปลี่ยนยุทธวิธี

"ผมคิดว่าคุณทักษิณจะดวงตาเห็นธรรม และหันมาเคลื่อนไหวทางสภาอย่างเดียว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ประชาธิปัตย์จะหนาว เพราะคุณทักษิณใช้สื่อเก่ง และระบบการแข่งขันเรื่องการหาเสียงหรือการครองความนิยมในหมู่ประชาชนก็เหนือกว่าประชาธิปัตย์หลายขุม ที่บอกว่าประชาธิปัตย์เป็นเซียนการเมืองในสภานั้น นั่นเป็นเรื่องเมื่อ 10 กว่าปีก่อน"

"ถ้าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยทำได้ ประเทศจะได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะพรรคเพื่อไทยจะควบคุมรัฐบาลไม่ให้ทุจริต งบประมาณก็จะลงไปถึงประชาชนได้มากขึ้น เศรษฐกิจก็จะยิ่งฟื้นตัว เป็นประโยชน์มหาศาล คุณทักษิณก็จะกลายเป็นวีรบุรุษ เหมือนองคุลิมาลวางดาบ และพรรคเพื่อไทยก็จะได้คะแนนจากประชาชน"

ถือเป็นทางออกแบบสมานฉันท์ โดยใช้สถานการณ์เป็นตัวกำหนดเกม!
คัดลอกมาจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ผู้เขียนอยากจะวิเคราะห์เหมือนกัน แต่เสียดาย 1 สัปดาห์จากนี้มีเรื่องด่วนต้องจัดการ รบกวนใครเข้ามาอ่าน ลองติดตามดู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น