วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

คดีเงินบริจาคเทียบยึดทัพย์ 7.6 หมื่นล้าน


น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงพยายามหยิบยกกระบวนการพิจารณามาเทียบเคียงกับคดียึดทรัพย์7.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ พรรคอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยอมรับการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนขององค์กรอิสระ หรือสถาบันตุลาการ ให้เดินหน้าไปโดยปราศจากการแทรกแซง ส่วนคดีเงินบริจาคนั้นพรรคเองก็ต้องการเห็นความชัดเจนยิ่งเร็วได้ยิ่งดี

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยออกมาโวยวายว่าซื้อเวลาให้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นการหาเหตุผลเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยอ้างเรื่องสองมาตรฐาน กกต.จะต้องหนักแน่นในการพิจารณา ไม่ต้องกังวลกระแสกดดันหรือการข่มขู่จากคนภายนอก หากพรรคประชาธิปัตย์ผิดต้องลงโทษ หากประชาธิปัตย์ไม่ผิดควรจะยกคำร้อง การที่พรรคเพื่อไทยพยายามกล่าวหา กกต.ยุบประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะเป็นพรรคของอำมาตย์ เป็นการใส่ร้ายเพื่อเชื่อมโยงการล้มอำมาตย์ คนที่บอกว่าจะเปิดโปงกระบวนการไม่ให้ยุบประชาธิปัตย์ควรจะนำหลักฐานมาเปิดโปงเลยเพราะความจริงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สามารถพิจารณากรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งๆ ที่ กกต.ทุกคนได้อ่านสำนวนจากอนุกรรมการ และสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยใช้เวลาดำเนินการมาร่วม 1 ปี แล้ว

ดังนั้น นายอภิชาต จะมาอ้างเรื่องเวลา และเลื่อนการพิจารณาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้อีกแล้ว เพราะหมดเวลาที่นายอภิชาต จะยกเป็นข้ออ้าง กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของนายอภิชาต ว่าน่าจะใช้เกมยื้อ ซื้อเวลาเรื่องดังกล่าวออกไปให้นานที่สุด เพื่อรอสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้วอาจจะพิจารณาลงความเห็นเหมือนที่เคยให้ความเห็นไว้ว่า ให้ยกคำร้องไว้ในครั้งแรก

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การเลื่อนไปตัดสินหลังเดือนกุมภาพันธ์ก็เพราะต้องการดูกระแสการเมืองหลังคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดย กกต.จะรอดูสภาพของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงว่าเป็นอย่างไร หากปรากฏว่าอยู่ในสภาพเพลี่ยงพล้ำถูกโจมตีจากกระแสสังคม กกต.ก็จะอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนนี้ ยกคำร้องช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้วสังคมเกิดความเห็นใจ กกต.ก็คงไม่กล้าฝืนกระแส โดยโยนเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่น่าละอายอย่างยิ่ง ที่เอาคดีความมาอิงกับกระแสการเมือง ถือเป็นการซ้ำเติมระบบกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกมองว่ามี 2 มาตรฐานของประเทศ

คัดลอกมาจาก จากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- จันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 09:35:56 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น