วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เพื่อไทยต้อนรับ ตท.10


ต้อนรับ “ตท.10” เล่นการเมือง “เสธ.แดง” ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงรุ่นพี่เข้า “พท.”

เสธแดงกล่าวถึงสมัยก่อน “ทรท.” มี “นายพล” หลายคน ยังสกัด “ปฏิวัติ” ไม่ได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (20 ต.ค.) เตรียมทหารรุ่น 10 หรือ "ตท.10" รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประมาณ 40 คน นำโดยพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน และอดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำกระทรวงกลาโหม พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต, พล.ต.ไตรรงค์ อินทรทัต ฯลฯ จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย


หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ. ได้สมัครเป็นสมาชิกไปก่อนหน้านี้แล้ว


พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนร่วมรุ่นตท.10 ยอมรับว่า เพิ่งเดินกลับจากดูไบ แต่ไม่มีตท.10 คนไหนไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ และพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้ให้นโยบายหรือวางยุทธศาสตร์อะไร


ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือ “เสธ.แดง” ได้วิพากษ์วิจารณ์การสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 10 ว่า ทหารที่มาสมัครส่วนใหญ่จะเหงาไม่มีอะไรทำ พอมีคนมาชวนก็เลยเข้ามาเล่นการเมือง


ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยมีทหารยศพลเอก 5-6 คน พลตรีอีก 3 คน ยังไม่สามารถป้องกันการปฏิวัติได้ แล้วพวกที่จะสมัครเข้ามานี้จะทำอะไรได้บ้าง ทหารเป็นอาชีพที่จน อยากรู้ว่ามีค่ารถหรือค่าป้ายหรือ


สำหรับทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าพรรค อาทิ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ. ก็ไม่เคยมีความรู้วิชาการเมืองทั้งสิ้น"พล.ต.ขัตติยะกล่าวและพูดถึงพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร วัย 77 ปี ที่มีข่าวว่าจะจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยว่า หมดสภาพและหมดอายุไขไปแล้ว คงไม่สามารถทำอะไรได้


ข้อความบางส่วนคัดลอกมากจาก http://dek-d.com


บทวิเคราะห์จากมือใหม่อยากลองเขียนข่าว

ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยยังคงยึดติดกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ ผู้น้อยควรเคารพนบนอบและเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา "โดยเฉพาะกองทัพ"


"ทหาร" ถูกฝึกให้อยู่ในระเบียบวินัยไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยหรือผู้ใหญ่ ส่วนทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ยังคงมีทหารรุ่นต่อๆ ไปยกย่อง ให้เกียรติ นับหน้าถือตา เพราะฉะนั้นการเจรจา ต่อรอง หาข้อมูลข่าวสารกับพวกเดียวกัน น่าจะง่ายกว่านักการเมืองและบรรดานักวิชาการที่พากันคลำทางเพื่อหาข้อมูลต่างๆ


ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด การเรียนรู้เริ่มต้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ หากผู้นั้นมีความตั้งใจจริง คนแต่ละมีจุดดี จุดเด่น และจุดด้อยอยู่ในตัว อยู่ที่ว่า ใครจะเห็นความสำคัญ ณ จุดไหนและเลือกนำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด


ต้องยอมรับว่าสังคมไทยยังคงยึดติดกับ "เปลือก" หรือหัวโขนที่ห่อหุ้นเอาไว้ เพราะฉะนั้นการที่ อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร รับบุคคลเหล่านี้เข้าพรรค คงเป็นเพราะเล็งเห็นจุดดี จุดเด่น หรือเห็นประโยชน์มากกว่าโทษ นั่นเอง


"อนาคต" เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สามารถวิเคราะห์ได้ เพระฉะนั้นเราจึงควรติดตาม ว่าจุดดี จุดเด่น และจุดด้อย ของแต่ละคน ทักษิณ ชินวัตร จะสามารถดึงออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน

....เรื่องนี้คือความท้าทายที่ไม่ควรมองข้าม.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น