นายวีระ สมความคิด แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมด้วย นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ มายื่นหนังสือต่อสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผ่านนายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน ที่หาดปึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
นอกพื้นที่เขตประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่คนเสื้อแดงมายื่นหนังสือ วานนี้ (23 ต.ค.) ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีพันธมิตรฯ ในพื้นที่จำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจนายวีระ
เนื้อหาหนังสือดังกล่าวเรียกร้องให้สมเด็จฮุน เซนมีคำสั่งให้ทหารและประชาชนชาวกัมพูชาทั้งหมดออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรบริเวณปราสาทพระวิหารภายใน 7 วัน เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของไทย ไม่เช่นนั้นจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการปิดล้อมสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และคณะกรรมการมรดกโลกควรรับผิดชอบในฐานะที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
นายวีระ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณี สมเด็จฮุน เซน ให้สัมภาษณ์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และขอให้สมเด็จฮุน เซน ออกจากประเทศไทยทันที
ข่าวจาก ryt9.com
บทวิเคราะห์
เป็นที่น่าสังเกตว่าเพระเหตุใดพันธมิตรฯ จึงออกมายื่นหนังสือในช่วงนี้ ทั้งที่ทหารกัมพูชาเข้าไปตรึงกำลังในเขตพื้นที่ทับซ้อนนานแล้ว
หลายคนอาจมองว่าพันธมิตรฯ เจตนาหาเรื่องผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นมิตรแท้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยใช้วิธีการเดียวกับสื่อค่าย ASTV ที่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์นักวิชาการและบุคคลสำคัญหลายคน ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างสาดเสียเทเสีย จนบุคคลเหล่านั้นไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เพระเสี่ยงกับการเสียชื่อเสียงถูกสื่อด่าฟรีโดยไม่สามารถตอบโต้
ส่วนกรณีข้อเรียกร้องที่นายวีระ สั่งให้สมเด็จฮุนเซนถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนภายใน 7 วัน ถือเป็นการบีบบังคับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเกินไปหรือไม่? ซึ่งเรื่องนี้หลายคนอาจมองว่าเป็นการกระทำที่เกินตัวของคนธรรมดาสามัญจะสามารถทำได้หรือเปล่า?
และอาจมองลึกไปอีกว่าหากไม่มีผู้ใหญ๋ในบ้านเมืองหนุนหลัง พันธมิตรฯ หรือจะกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดนำเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นเครื่องต่อรอง ถึงขนาดประกาศจะปิดล้อมสถานเอกอักรราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย
เพราะหากพันธมิตรฯ ทำเช่นนั้น จะเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง และอาจทำให้กัมพูชาตอบโต้โดยการปิดล้อมสถานทูตไทยในประเทศด้วยเช่นกัน
จากกรณีดังกล่าว จะทำให้กลายเป็นเรื่องบาดหมางกับประเทศเพื่อนบ้าน และหากเกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะเป็นฝ่ายเริ่มต้น
ส่วนกรณีที่นายวีระ สั่งให้สมเด็จฮุนเซนออกจากประเทศไทยทันที คงมีคนจำนวนไม่น้อยอยากทราบว่า นายวีระผู้นี้เป็นใคร? เป็นเจ้าของประเทศหรือไร? ถึงใหญ่โตกล้าสั่งการผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน และแน่นอนน่าจะใหญ่กว่า นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งไม่มีอำนาจมากมายขนาดนั้น
โปรดอย่าลืมว่าการมาของสมเด็จฮุนเซนในครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน การกระทำของนายวีระและพวก เจตนาป่วนการประชุมครั้งนี้หรือไม่?
และหากนายอภิสิทธิ์ยังเหลือภาวะผู้นำของประเทศอยู่บ้าง ควรจะออกมาจัดการผู้ที่กล้าหาญชาญชัยป่วนการประชุมอาเซียนหรือเปล่า? หรือท่านจะปล่อยให้นายวีระทำตัวใหญ่คับบ้านนึกจะไล่ใครออกจากประเทศก็ย่อมได้กระนั้นหรือ?
และหากท่านนายกยังคงปล่อยให้นายวีระและพวกทำตัวใหญ่โตคับบ้านคับเมืองเช่นนี้ มิตรประเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียนจะนอนหลับสนิทในประเทศไทยได้อย่างไร?
เพราะเกิดวันดีคืนดี พูดจาไม่เข้าหูพี่ใหญ่พันธมิตรฯ อาจถึงกับปิดล้อมโรงแรม ปิดล้อมสนามบิน จนบรรดาท่านผู้นำไม่สามารถกลับประเทศก็อาจเป็นได้
คงมีประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย อยากตั้งคำถามพันธมิตรฯ ว่าทำไปเพระเหตุใด? โกรธที่สมเด็จฮุนเซนแสดงตัวเป็นมิตรแท้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วดึงเอาเรื่องประสาทเขาพระวิหารมาเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใช่หรือไม่? และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น