วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แนวร่วมพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถึงฮุนเซนให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน


นายวีระ สมความคิด แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมด้วย นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ มายื่นหนังสือต่อสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผ่านนายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน ที่หาดปึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

นอกพื้นที่เขตประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่คนเสื้อแดงมายื่นหนังสือ วานนี้ (23 ต.ค.) ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีพันธมิตรฯ ในพื้นที่จำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจนายวีระ

เนื้อหาหนังสือดังกล่าวเรียกร้องให้สมเด็จฮุน เซนมีคำสั่งให้ทหารและประชาชนชาวกัมพูชาทั้งหมดออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรบริเวณปราสาทพระวิหารภายใน 7 วัน เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของไทย ไม่เช่นนั้นจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการปิดล้อมสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และคณะกรรมการมรดกโลกควรรับผิดชอบในฐานะที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

นายวีระ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณี สมเด็จฮุน เซน ให้สัมภาษณ์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และขอให้สมเด็จฮุน เซน ออกจากประเทศไทยทันที

ข่าวจาก ryt9.com

บทวิเคราะห์

เป็นที่น่าสังเกตว่าเพระเหตุใดพันธมิตรฯ จึงออกมายื่นหนังสือในช่วงนี้ ทั้งที่ทหารกัมพูชาเข้าไปตรึงกำลังในเขตพื้นที่ทับซ้อนนานแล้ว

หลายคนอาจมองว่าพันธมิตรฯ เจตนาหาเรื่องผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นมิตรแท้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยใช้วิธีการเดียวกับสื่อค่าย ASTV ที่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์นักวิชาการและบุคคลสำคัญหลายคน ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างสาดเสียเทเสีย จนบุคคลเหล่านั้นไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เพระเสี่ยงกับการเสียชื่อเสียงถูกสื่อด่าฟรีโดยไม่สามารถตอบโต้

ส่วนกรณีข้อเรียกร้องที่นายวีระ สั่งให้สมเด็จฮุนเซนถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนภายใน 7 วัน ถือเป็นการบีบบังคับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเกินไปหรือไม่? ซึ่งเรื่องนี้หลายคนอาจมองว่าเป็นการกระทำที่เกินตัวของคนธรรมดาสามัญจะสามารถทำได้หรือเปล่า?

และอาจมองลึกไปอีกว่าหากไม่มีผู้ใหญ๋ในบ้านเมืองหนุนหลัง พันธมิตรฯ หรือจะกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดนำเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นเครื่องต่อรอง ถึงขนาดประกาศจะปิดล้อมสถานเอกอักรราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย

เพราะหากพันธมิตรฯ ทำเช่นนั้น จะเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง และอาจทำให้กัมพูชาตอบโต้โดยการปิดล้อมสถานทูตไทยในประเทศด้วยเช่นกัน

จากกรณีดังกล่าว จะทำให้กลายเป็นเรื่องบาดหมางกับประเทศเพื่อนบ้าน และหากเกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะเป็นฝ่ายเริ่มต้น

ส่วนกรณีที่นายวีระ สั่งให้สมเด็จฮุนเซนออกจากประเทศไทยทันที คงมีคนจำนวนไม่น้อยอยากทราบว่า นายวีระผู้นี้เป็นใคร? เป็นเจ้าของประเทศหรือไร? ถึงใหญ่โตกล้าสั่งการผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน และแน่นอนน่าจะใหญ่กว่า นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งไม่มีอำนาจมากมายขนาดนั้น

โปรดอย่าลืมว่าการมาของสมเด็จฮุนเซนในครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน การกระทำของนายวีระและพวก เจตนาป่วนการประชุมครั้งนี้หรือไม่?
และหากนายอภิสิทธิ์ยังเหลือภาวะผู้นำของประเทศอยู่บ้าง ควรจะออกมาจัดการผู้ที่กล้าหาญชาญชัยป่วนการประชุมอาเซียนหรือเปล่า? หรือท่านจะปล่อยให้นายวีระทำตัวใหญ่คับบ้านนึกจะไล่ใครออกจากประเทศก็ย่อมได้กระนั้นหรือ?

และหากท่านนายกยังคงปล่อยให้นายวีระและพวกทำตัวใหญ่โตคับบ้านคับเมืองเช่นนี้ มิตรประเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียนจะนอนหลับสนิทในประเทศไทยได้อย่างไร?
เพราะเกิดวันดีคืนดี พูดจาไม่เข้าหูพี่ใหญ่พันธมิตรฯ อาจถึงกับปิดล้อมโรงแรม ปิดล้อมสนามบิน จนบรรดาท่านผู้นำไม่สามารถกลับประเทศก็อาจเป็นได้

คงมีประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย อยากตั้งคำถามพันธมิตรฯ ว่าทำไปเพระเหตุใด? โกรธที่สมเด็จฮุนเซนแสดงตัวเป็นมิตรแท้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วดึงเอาเรื่องประสาทเขาพระวิหารมาเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใช่หรือไม่? และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น