วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นายกไม่ติดใจผู้นำกัมพูชาประกาศเป็นเพื่อนทักษิณ


นายกรัฐมนตรี เชื่อ "ฮุนเซน" แยกเพื่อนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ลั่น "ทักษิณ" เข้ากัมพูชาต้องขอส่งตัวกลับไทยทันที

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 22 ต.ค.ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้สัมภาษณ์ระหว่างที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าพบ

ถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นเพื่อนรักและเตรียมสร้างบ้านพักไว้ให้แล้วว่า ตนมีโอกาสพบกับ สมเด็จฮุนเซนหลายครั้ง สมเด็จฮุนเซน พูดตรงไปตรงมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับท่านเป็นเพื่อนกัน แต่ก็บอกว่าเรื่องเพื่อนต้องแยกออกจากการทำหน้าที่และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในแง่การดำเนินการตามนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว หากพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้ากัมพูชาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯคิดว่ากัมพูชาจะให้ความร่วมมือในการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คุยกับสมเด็จฮุนเซน ก็ยืนยันว่าเรื่องเพื่อนต้องแยกออกจากความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศต้อง มาก่อน ตนยังบอกไปว่าคนเป็นเพื่อนต้องเป็นเพื่อนตลอดไปไม่เช่นนั้นก็คบกันไม่ได้ แต่คนที่มาดำรงตำแหน่งที่สำคัญต้องแยกความสัมพันธ์ส่วนตัวออกไปท่านก็เห็นด้วย

เมื่อถามว่าคุยกับสมเด็จฮุนเซน นานเท่าไหร่แล้วที่มีการยืนยันเช่นนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันทุกครั้งและเชื่อว่าสมเด็จฮุนเซน ยังยืนยันอยู่ เมื่อถามว่า หมายความได้หรือไม่ว่า สมเด็จฮุนเซน เลือกข้างอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในประเทศเราและเวลาที่สมเด็จฮุนเซน พบกับตนและอีกหลายคนก็ไม่ได้พูดอย่างนี้

ต่อข้อถามว่า สมเด็จฮุนเซนบอกด้วยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ สมเด็จฮุนเซนพูดชัดในฐานะเพื่อน และเป็นเรื่องของครอบครัวท่าน แต่ท่านบอกแล้วว่าเรื่องเพื่อนกับการทำหน้าที่แยกออกจากกัน ตนไม่ติดใจอะไร

เมื่อถามต่อว่า สมเด็จฮุนเซนบอกอีกว่าการเมืองจะแก้ไขได้ต้องอโหสิกรรมให้กัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ถูกแล้วแต่คนทำผิดต้องสำนึกผิดก่อน"

เมื่อถามว่า การที่สมเด็จอุนเซนออกมาระบุเช่นนี้จะกระทบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ยังไม่มีอะไร และช่วงประชุมอาเซียนซัมมิทจะคุยกันบ้าง

เมื่อถามต่อว่า สมเด็จฮุนเซน จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิทล่าช้ามีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร ผู้นำหลายคนก็มาไม่ทัน ถ้ามีโอกาสพบกับ สมเด็จฮุนเซน ตนก็พูดคุยปกติจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ในภาพรวม และต้องแก้ปัญหาบนหลักการที่ไม่กระทบกระทั่งการใช้สันติวิธี มีคำหนึ่งที่สมเด็จฮุนเซน พูดกับตนทุกครั้งว่าต้องการทำงานเพื่ออนาคตไม่อยากให้อดีตมาเป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์

เมื่อถามว่า แสดงว่าตอนนี้อดีตกลายมาเป็นปัญหาความสัมพันธ์แล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าคนเลือกอนาคต" ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปพบสมเด็จฮุนเซน ของ พล.อ.ชวลิต ครั้งนี้มีการไปทำความเข้าในเรื่องความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน ในอดีตที่พูดไม่ตรงกันเพียงแต่สูตรการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวซึ่งมันก็ยุติไป และการเริ่มต้นใหม่ปัจจุบันมันต้องทำตามมาตรา 190 วรรค 2 ดังนั้นต้องรอเสนอ กรอบการเจรจาผ่านสภา

ส่วนการให้สัมปทานที่บอกว่าเข้าใจผิดความจริง พล.อ.ชวลิต พูดไปก็เหมือนกับที่รัฐบาลได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งเป็นการให้สัปทานที่ซ้อนกันในแปลงต่างๆ เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ พล.อ.ชวลิต จะเดินทางไปประเทศพม่าและมาเลเซียอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ไปคุยเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่าไปคุยเพื่อประโยชน์ของพวกของตน เมื่อถามอีกว่า คิดว่าพล.อ.ชวลิต ทำเพื่ออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "คงต้องรอดูรายละเอียด แต่เมื่อวานเห็นเน้นเรื่องอดีตนายกฯเป็นเรื่องใหญ่"

เมื่อถามว่า ที่พล.อ.ชวลิตจะไปคุยกับผู้นำมาเลเซีย จะเกี่ยวข้องกับที่ผู้นำมาเลเซียจะเดินทางมาหารือแก้ปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก คนเป็นนักการเมืองอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะมีสถานะเป็นอดีตผู้นำ ก็สามารถทำงานได้แต่ขอให้ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักเท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่การประเมินผลงานรัฐมนตรีเพื่อปรับ ครม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวเดินเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวโดยไม่ตอบคำถามใดๆ
ไทยรัฐออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น