วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เกมอำนาจ วงจรอุบาทว์และบทวิเคราะห์การเมืองจากมือใหม่

"เกมอำนาจ วงจรอุบาทว์ “ ข่าวจากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง

ก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คนไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไปถึงจิ๋ว

ในตอนเช้าวันนั้น” คำพูดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ส่งสาร บอกผ่านสื่อมวลชนไปถึง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ สหายศึก คู่ทุกข์ คู่ยาก ที่ปันใจไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ศัตรูตลอดกาลของ พล.อ.เปรม สารนี้อาจจะไม่ได้ตั้งใจจะส่งถึง พล.อ.ชวลิต แต่ผู้เดียว แต่อาจจะเตือนใครหลายคนที่กำลังบ่ายหน้ามุ่งสู่พรรคเพื่อไทย

ต้องยอมรับว่าบรรยากาศของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ร้อนแรงทีเดียว เพราะนอกจาก พล.อ.ชวลิต ที่เปิดตัวอย่างครึกโครมแล้ว ที่ไม่น้อยหน้ากัน คือนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่นำโดย พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ที่นำอดีตนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นกว่า 50 ชีวิตเดินเข้าพรรค โดยที่เหลือก็กำลังทยอย ตาม ทิ้งให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานรุ่นอยู่เดียวดายก็ได้ขุนทหารอีกคนที่เปิดตัวมาอย่างฮือฮา คือ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีต รอง ผบ.ทบ. และนายทหาร คมช. ที่เคยมีประวัติลากตัวแกนนำเสื้อแดง และแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าไปสอบสวนในค่ายทหารเขตภาคเหนือมาแล้ว

ทางด้านดารา นอกจากที่มีพระเอก กรุง ศรีวิไล เป็น ส.ส.อยู่ก่อนแล้ว พรรคยังเปิดตัว สมบัติ เมทะนี ที่ประกาศจองเก้าอี้ ส.ส. ในเขตลาดพร้าว วังทองหลาง และบอกว่าจะยังมีดาราอีกมากมายหลายคนมาเพื่อขอลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคอีก

ทางด้านนักการเมืองล่าสุดจากการเปิดตัว ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ ที่ผลงานโด่งดังคือตรวจ สอบการทุจริตรถและเรือดับเพลิงของ กทม. จนทำให้ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ต้องลาออกจากผู้ว่าฯ กทม. และคนเพื่อไทยยังแกล้งทำข่าวหลุดว่า จะมี ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์อีกไม่ต่ำกว่า 5 ชีวิต พร้อมมา เมื่อปี่กลองการยุบสภาดังขึ้น

นอกจากนี้ยังมี ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นคนทรยศในสายตาพรรคเพื่อไทยเข้ามาด้วยดูแล้ว บรรยากาศ ซาบซ่า สดใส ยิ่งนัก

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำคนสำคัญ ยืนยันหนักแน่นว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเกินครึ่ง และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแน่นอน !!! และจะขอนิรโทษกรรมทุกสิ่งทุกอย่างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และจะนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ แต่ทุกอย่างจะเหมือนที่คิดอย่างนั้นหรือ เหมือนสุภาษิตของจีนที่ว่า “การกระทำขึ้นอยู่กับคน แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับฟ้า”

มาดูบทบาท พล.อ.ชวลิต ที่ว่ารอบนี้หวังถึงเก้าอี้นายกฯ ถึงตอนนี้จะทำตัวลีบเล็ก ไม่ขอมีตำแหน่งอะไร แต่งานชิ้นแรกที่ขมีขมันทำเพื่อหวังเข้าตาประชาชนและนายใหญ่ คือเดินทางไปยังกัมพูชาเข้าพบนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่แต่เดิมจะสร้างภาพให้ พล.อ.ชวลิต ดีขึ้น

แต่การณ์ตรงกันข้าม ผู้นำกัมพูชากลับวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย ถึงกับจะสร้างบ้านต้อนรับคนที่หนีการตัดสินของศาลไทย เหมือนไม่แยแส ไม่เห็นสถาบันศาลของไทยอยู่ในสายตา และไม่ทราบว่าใช้ตำแหน่งแห่งหนอะไร ที่ พล.อ.ชวลิต ต้องไปเจรจา ทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ไปคุยเรื่องการลงทุนก๊าซและน้ำมัน กับคนที่เคยถูกพาดพิงว่าเคยหวานชื่นกับรัฐบาลก่อนๆ ของไทยเพราะได้ พื้นที่อุดมพลังงานเหล่านี้ไปครอบครอง และ พล.อ. ชวลิต ทำเหมือนไม่รู้ว่ากำลังคุยกับคนที่ประกาศจะยิงคนไทยทุกคนที่เข้าไปในดินแดนทับซ้อนบนเขาพระวิหารคำพูดที่ว่า ทรยศต่อชาติ จึงไม่ใช่แค่คำพูดที่ลอยในอากาศ

ส่วนภาพของขุนทหารเดินตบเท้าเข้าพรรค อาจจะอยู่ในความยินดีของผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่อารมณ์ของ ส.ส. กลับตรงกันข้าม ซึ่งเริ่มตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต ขนนายพล นักวิชาการ และอดีต ส.ส.พรรคความหวังใหม่เข้าพรรคมาแล้ว เพราะเก้าอี้ ส.ส.ทั้งสภามี แค่ 480 ตัว แต่เดิมก็แย่งชิงกันแทบตาย แต่วันนี้มีนายทหารมาเข้าชิงอีกร่วม 50 คน ซึ่งแต่ละคนก็เส้นใหญ่ เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น กับนายใหญ่หัวหน้าพรรคตัวจริง ถ้าอยากจะลงและออกปากกับนาย มีหรือนายจะไม่ให้

ส่วนที่คาดหวังว่า จะให้ขุนทหารเหล่านี้จะมาค้ำจุนบัลลังก์การเมืองของพรรคเพื่อไทยในภายภาคหน้าก็เลื่อนลอย เพราะขณะอยู่ในราชการ คนเหล่านี้ก็ไม่ได้คุมกำลังอะไร และยิ่งเกษียณอายุราชการด้วยแล้ว เหตุที่มาเข้าพรรค สงสัยเพราะสลัดหนีอำนาจราชศักดิ์ไม่พ้น

ในส่วนของเก้าอี้ ส.ส.กทม. นอกจากผู้ที่ลงสมัครครั้งที่แล้วที่ได้รับว่าจะให้ลงอีกรอบแล้ว พรรคยังมีสัญญาใจกับแกนนำเสื้อแดงที่จะลงหลายคนแล้ว และยังมีทีมดาราแห่ลงมาอีก จะหาเก้าอี้ที่ไหนพอให้ ข่าวชิ้นแรกของขุนทหารที่ออกมา คือ ขุนทหาร ตท.10 ระแวง พล.อ.จิรเดช อดีต คมช. ที่อาจจะเป็นยุทธการม้าไม้เมืองทรอย เข้ามารายงานเรื่องในพรรคกลับไปรายงานสีเขียวที่อยู่ในกองทัพก็ได้

สำหรับเรื่องกระบวนการหาเสียงเลือกตั้งคราวหน้า ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์มาในเมืองไทยและกระจายไปตามจุดหาเสียงพร้อมกัน 50 จุด ฟังดู ก็เป็นเรื่องทันสมัยดี แต่ลืมไปว่าสถานะอีกด้านหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ต้องโทษ หนีคดีหนีคุก ถ้าใช้ยุทธวิธีนี้หาเสียง ถึงจะได้ ส.ส.มากแต่ต้องมีปัญหากับทาง กกต.แน่ๆ

อีกทั้งศัตรูคู่อาฆาตอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่แหย่เท้าเข้ามาในระบบรัฐสภาในนามพรรคการเมืองใหม่ และยังอ้างสงวนสิทธิ์ ประกาศพร้อมต่อสู้กันทั้งในระบบรัฐสภาและบนท้องถนน ยังไม่นับกองทัพที่รู้ตัวดีว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลเมื่อไหร่ มีการย้ายล้างบางกันแน่ๆ และพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้อำนาจรัฐ ก็ต้องหาทางถีบตัวให้เลือกตั้งใหญ่ได้เสียงอันดับหนึ่งให้ได้

ศึกภายนอกที่ว่าหนัก ก็มาเจอศึกภายใน ที่รุมทึ้งแย่งเก้าอี้กันแล้ว ยังมีเรื่องตำแหน่งหัวหน้าพรรคตัวจริง ที่ต้องมีบารมี เป็นที่ยอมรับไม่เช่นนั้น ต่อให้มี 10 ทักษิณ 100 ชวลิต ก็เอาพรรคเพื่อไทยไม่อยู่แน่ !!!

ข่าวจาก ryte.com


บทวิเคราะห์จากมือใหม่ แบบคนที่ไม่เคยสัมผัสกับบรรยากาศในพรรคการเมือง

“ศึกนอกยังไม่จบ ศึกในอย่าเพิ่งปะทุ”

ปัจจุบัน คติที่ควรยึดถือ คือ “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ไม่ใช่ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร” เหมือนในอดีต ซึ่งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยอำมาตย์ครองเมือง

ผู้วิจารณ์มองว่า ในพรรคการเมือง ไม่ว่าตำแหน่งหน้าที่ใดก็ตาม ควรจะมีการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพรรค เพราะประชาธิปไตยมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และเมื่อมีคนจำนวนหนึ่งเข้าไปรวมตัวกันในพรรค ก็ควรยึดตามแนวทางนั้น

เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งใหม่ ผู้ที่มีสิทธิ์มีเสียงในแต่ละเขตของพรรคอาจมีหลายคน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าควรคัดสรรคจากการสอบคัดเลือก ประกอบกับชื่อเสียงของบุคคลท่านนั้น หรือไม่ก็ทำโพลจากคนในพรรคทั้งหมด หรือจากประชาชนว่าจะให้การสนับสนุนใครเพื่อจะได้ไม่เป็นที่ครหา และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย


แต่หากจะดูจากทุนที่บางท่านให้การสนับสนุน ก็ต้องหาทางให้เสียงมากกว่าครึ่งของคนในพรรคยอมรับบุคคลผู้นั้น

ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้สมัคร ก็เป็นทีมช่วยเหลือและควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากิติมศักดิ์หรือผู้ทรงเกียรติอะไรสักอย่างในทีมจะได้ไม่รู้สึกน้อยหน้าคนอื่น แต่ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้สมัคร จะต้อง ยกย่องบุคคลเหล่านั้นทัดเทียมหน้ากัน

ส่วนการจะรับฟังความคิดเห็นพวกเขาหรือไม่นั้น มีวิธีการหลีกเลี่ยงหลายอย่าง เช่น นโยบายพรรคไม่ได้มาทางนี้ (หาทางประวิงเวลาปรึกษาคนจากแดนไกลเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด) หรืออาจใช้วิธีประมวลความคิดเห็นจากหลายๆ แห่ง และใช้เสียงข้างมากในทีมตัดสิน

ส่วนเก้าอี้ในสภามีแค่ 480 ที่นั่ง อาจมีบางคนตกเก้าอี้ จากใบเหลือง ใบแดงของ กกต. หรือถูกฟ้องร้อง ถูกโจมตีจากบุคคลหลายฝ่าย หรือเจอข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวหลอก จากสื่อ (สื่อหลัก ไม่ใช่สื่อของทักษิณ ไม่ได้มีนัยทางการเมือง) จนกระเด้งกระดอนตกเก้าอี้ ส.ส. และอาจมีการเลือกตั้งใหม่ ทีนี้ก็อยู่ที่ว่าทักษิณ พูดผิดคณะกรรมการบริหารพรรค และประชาชนจะลงมติเลือกใคร

ส่วนเก้าอี้สำคัญในกระทรวงต่างๆ ก็เช่นกัน หากสื่อขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลในการบริหาร รมว. รมช.ก็อาจตกเก้าอี้ลงมาได้เหมือนกัน และเมื่อถึงเวลานั้นก็สุดแท้แต่...........(คัดสรรกันใหม่) ประวิงเวลาเพื่อหาวิธี ดึงงาน ดึงคน ดึงอำนาจ

แต่ทางที่ดีสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ คือพาทักษิณกลับบ้านอย่างปลอดภัยให้ได้ก่อน แล้วเมื่อนั้นการเข้าถึงกลไกการทำงานต่างๆ จะง่ายขึ้น เพราะอยู่ใกล้ สามารถติดต่อประสานงานได้สะดวกในทุกๆ ฝ่าย

กรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (ขงเบ้งแห่งกองทัพ) ท่านเป็นคนสุขุม นุ่มลึก ฉลาดล้ำและมีทีมงานน่าเชื่อถือ ผู้วิจารณ์มองว่า ขงเบ้งก็มีจุดอ่อน ดิฉันไม่รู้ว่าข้อมูลนี้จะไปถึงไหน คงพาดพิงไปมากกว่านี้ไม่ได้ จึงอยากให้ผู้ที่อยู่กับขงเบ้งมองให้รอบคอบ

ส่วนกรณีขุนทหาร ตท.10 ระแวง พล.อ.จิรเดช อดีต คมช. ที่อาจจะเป็นยุทธการม้าไม้เมืองทรอยมาใช้
ในเมื่อท่านไม่แน่ใจว่าเขาจะนำมายุทธวธีนี้มาใช้หรือเปล่า ทำไมไม่หาทางมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ และสำคัญ (อย่างคุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) หรือไม่ก็งานด้านทหารแล้วส่งคนที่ไว้ใจได้ไปกำกับดูแลอีกที (แต่คนที่ส่งไปก็ควรจะมีวาจาเป็นอาวุธ อ่อนน้อม ถ่อมตน แต่ไม่อ่อนแอ รับฟัง แต่ไม่ทำตาม โดยใช้วิธีประวิงเวลา หาที่ปรึกษา)

ส่วนกรณีพันธมิตรฯ เตรียม 10 หรือท่านชวลิตและอดีต คมช. ที่เข้าร่วมงานในพรรค คงสามารถควบคุมดูแลได้ งานนี้งานช้าง และผู้ที่มีความสามารถทางการทหาร-ตำรวจ น่าจะทำได้ดีกว่าคนอื่น ที่สำคัญผู้ดำเนินการจะได้ไม่รู้นโยบายด้านอื่นๆ ของพรรค

กรณีคุณเฉลิม อยู่บำรุง บอกจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์มาในเมืองไทยและกระจายไปตามจุดหาเสียงพร้อมกัน 50 จุด ดิฉันก็เห็นด้วยเพราะเพื่อไทยคือ สัญลักษณ์ของทักษิณ แต่ดิฉันกลัวว่าอาจมีปัญหากับ กกต. อย่างที่เป็นข่าว


และดีไม่ดี ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งอาจถูกเขี่ยตกเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ได้ทำงาน หรือไม่พรรคอาจถูกยุบก่อนที่จะเข้าไปบริหารบ้านเมือง เรื่องนี้ควรพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งผู้วิจารณ์ไม่สันทัดกฏหมาย และเรื่องราวต่างๆ ในพรรคการเมือง จึงมองอย่างคนนอกเหมือนคนทั่วๆ ไป และไม่สามารถเจาะลึกไปได้มากกว่านี้

ขอเตือนด้วยความหวังดี
“ขออย่าประมาท สื่อ และกระแสแห่งข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวหลอก ซึ่งเคยสร้างคน ทำลายคนมาแล้วทั้งในอดีตและปัจจบัน” อยู่ที่ว่าผู้ใช้จะมียุทธวิธีใด จะเลือกใช้เพื่อใคร เท่านั้นเอง

คติโบราณว่าไว้ “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” แต่หากจะมีใครทำให้เสือทั้งฝูงเข้ามาอยู่กรงเดียวกันได้ นั่นคือ อัจฉริยะ........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น